เมษายน 20, 2024, 04:22:44 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรรค์ชั้นดุสิตนั้นเป็นอย่างไร  (อ่าน 18489 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เด็กหน้าวัด
เด็กใหม่
นักบุญผู้ใจดี
*****

พลังความดี : 696


เพศ: ชาย
กระทู้: 13280
สมาชิก ID: 1


« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2012, 11:43:50 AM »

Permalink: สรรค์ชั้นดุสิตนั้นเป็นอย่างไร
สรรค์ชั้นดุสิตนั้นเป็นอย่างไร


สวรรค์ชั้นที่ ๔ นี้ นับว่าเป็นสวรรค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
เป็นที่รู้จักและปรารถนาจะได้ไปเกิดของชาวมนุษย์
อย่างเหลือเกินเพราะที่นี่

เป็นที่อยู่ของ พระโพธิ์สัตว์ ผู้บำเพ็ญบารมีอย่าง

ครบถ้วนแล้ว รอการไปตรัสรู้เป็นพระ

พุทธเจ้า

แล้วยังเป็นที่อยู่ของเทพชั้นสูง ชั้นผู้ใหญ่

เป็นจำนวนมาก


สวรรค์ชั้นที่ ๔ นี้ นามว่าดุสิต

 


 แปลว่า ที่อยู่ของเทพเจ้า
ผู้มีความยินดีแช่มชื่นเป็นนิจ
ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้นยามาขึ้นไปไกลมาก
ไกลจนไม่สามารถจะคำนวณนับได้ว่าเท่าไร
สวรรค์ชั้นดุสิต มีวิมาน ๓ ชนิดด้วยกัน
คือ
 
 วิมานสร้างด้วยแก้วล้วน ๆ
 วิมานสร้างด้วยทองล้วน ๆ
 และวิมานสร้างด้วยเงินล้วน ๆ

แต่ละวิมาน เป็นปราสาทสวยงามวิจิตรตระการ

ตามาก สวยยิ่งกว่าปราสาทของเทวดาชั้นยามาและ

ชั้นอื่น ๆ ที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดทุกวิมานมีกำแพงทำ

ด้วยแก้ว ๗ ประการล้อมรอบ

 มีสวนดอกไม้สีสวยระรื่นหอม

และสระโบกขรณีเป็นที่พักผ่อน หย่อนใจเป็นที่

รื่นเริงบันเทิงใจของเทพเจ้าเหล่าชาวสวรรค์ชั้น

ดุสิตนี้ มีอยู่มากมายหลายแห่ง

 

 ส่วนรูปทรงของเทพเจ้า

ผู้อยู่ชั้นดุสิตนี้สวยงาม

และสง่ายิ่งกว่าเทพชั้นอื่น ๆ ที่ผ่านมา

ทั้งมีน้ำใจบุญสุนทาน

และผู้รู้ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง

ทุกวันธรรมสวนะ ทวยเทพทั้งหมดจะมาประชุม

กัน ฟังธรรมมิได้ขาด และผู้แสดงธรรมก็คือ

 ท้าวสันดุสิตเทวาธิราช ผู้ปกครองสวรรค์

ชั้นนี้นั่นเอง ท่านเป็นพหูสูตรรู้ข้อธรรมของพระ

พุทธเจ้ามาก

หรือมิฉะนั้นบางครั้งก็อัญเชิญเทพบุตร

 

ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ และ

เตรียมการลงไปตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

เป็นผู้แสดงธรรมโปรดเสมอ ทำให้เทพเจ้าชาว

ดุสิตทั้งหลายยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง


พระนางเจ้าสิริมหามายา บุคคลสำคัญท่านหนึ่งที่พวกเราชาวพุทธรู้จักกันดี
ในฐานะที่เป็นพระพุทธมารดา หรือพระมารดาของพระพุทธเจ้าของพวกเรา

ซึ่งหลักจากที่ประสูติพระสิทธิถะราชกุมารที่ลุมพินีวันได้ ๗ วัน ก็เสด็จสวรรคต
ขึ้นมาบังเกิดเป็นเทพเจ้าเสวยทิพย์สมบัติอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดุสิตแห่งนี้

จนทุกวันนี้ พระองค์เป็นเทพนารี ที่มีพระสิริโฉมงดงาม หาที่เปรียบมิได้เลย

ขณะที่ พระพุทธองค์ ทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์

ทรมานเดียรถีย์นิครนถ์ผู้โอหัง

ณ ภายใต้ไม้คัณฑามพพฤกษ์เสร็จแล้ว

ทรงระลึกถึงพระคุณของ

มารดา จึงเสด็จไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อ

เทศนาพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์

โปรดสนองคุณ และทรงประทับอยู่เหนือ

บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ภายใต้ต้นปาริชาต 

พระอินทร์ เมื่อทรงทราบดังนั้น ได้เสด็จออกร้อง

ประกาศแก่หมู่เทพยดาทั้งหลาย

ให้มาประชุมกัน เพื่อฟังธรรม และพระอินทร์ท่าน

ได้เสด็จขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นดุสิต เพื่ออัญเชิญ พระ

นางเจ้าสิริมหามายาเทพนารี มาสดับพระธรรม

เทศนาของ พระพุทธองค์เป็นการด่วน

 

ครั้งแรก ที่พระนางเจ้าสิริมหามายา ทอดพระเนตร

เห็นพระพุทธองค์ ผู้มีพระสรีระโฉมงดงามสมบูรณ์

ด้วยมหาปุริส ลักษณะทุกประการ ทำให้พระองค์

ทรงลืมตัวตะลึงลาน ลืมกลิ่นสาบที่ในชั้นต่ำกว่าสิ้น

ชมพระรูปโฉมของพระพุทธองค์เสียเป็นนาน

ด้วยคิดว่าไม่เคยเห็นผู้ใดในโลกจะมีพระสิริโฉม

งดงามเช่นนี้



"ดูก่อนพระมารดา" พระพุทธองค์
ตรัสเรียกสิริมหามายาเทพนารีให้เสด็จเข้าไปใกล้
"อย่าได้มัวชมรูปโฉมอันไม่จีรังยั่งยืนอยู่เลย
เข้ามาใกล้เราดีกว่า เรามานี่
เพื่อแสดงธรรมอันเป็นสิ่งจีรังยั่งยืน
เต็มได้ด้วยแก่นสารให้ท่านฟัง"

เมื่อนั้นเอง... สิริมหามายาเทพนารีจึงรู้สึกองค์
แล้วคลานเข้าไปใกล้ที่ประทับนั่งข้างหน้า
เป็นประธานแห่งหมู่เทพยดาทั้งหลาย
และ... พระพุทธองค์โปรดประทาน
พระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ ตั้งแต่ต้นจนจบ 

ครั้นแรกแสดงจบ สิริมหามายาเทพนารี พระพุทธมารดา สำเร็จ โสดาปัตติผล
เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา


พระศรีอาริยเมตไตรย์ หรือพระศรีอาริย์
เป็นบุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่งที่จำต้องกล่าวถึง
เพราะเป็นเทพบุตรที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตจนปัจจุบันนี้

และท่านมีความสำคัญมากสำหรับมนุษย์ทุกคน กล่าวคือ

พระศรีอาริย์นี้ เป็นพระโพธิสัตว์ซึ่งจะมาตรัสรู้เป็น

พระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในภัทรกัลป์ 

อายุของเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต

เทวดาที่เสวยทิพยสมบัติอยู่บนชั้นดุสิตนี้ มีอายุยืน

ยาวได้ ๔ พันปีทิพย์หรือห้าสิบเจ็ดโกฏหกล้านปี

ในโลกมนุษย์

ผู้ที่จะได้บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ต้องเป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ยุติธรรม

ชอบสดับตรับฟังพระธรรมเทศนา มีปัญญาดี

หรือเป็นพระโพธิสัตว์

ผู้บำเพ็ญบารมีมาเป็นอย่างสูงแล้ว จึงจะได้มา

บังเกิดบน สวรรค์ชั้นดุสิตนี้.

นี่ละครับสวรรค์ชั้นดุสิตที่คุณอนันต์ ขาบเขียวต้องการทราบครับ..หวังว่าคงพอจะประทับใจได้บ้างนะครับผม




บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


บทความและไฟล์ภาพ ในเว็บไซต์แห่งนี้อาจนำมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ทีมงานคิดว่ามีประโชยน์ต่อผู้อ่าน โดยให้ผู้อ่านเกิดควมบันเทิง และให้ความรู้ โดยที่เราจะให้เครดิตทุกครั้งที่นำมา หากไฟล์ภาพหรือบทความใด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ต้องการให้นำมาแสดง โปรดแจ้งมาที่ tumcomputer@hotmail.com ทางทีมงานจะได้นำบทความนั้นออกทันที ขอบคุณครับ


เว็บนี้จัดทำโดย นายสุรัตน์ ศรลัมภ์ และครอบครัว อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ

HTML Hit Counters
Powered by SMF 1.1.17 | Simple Machines|Copyright © 20010 BY : thammaonline.com
บทความธรรมะรวมเรื่องกฏแห่งกรรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐานพลังจิตกระดานถาม-ตอบ Sitemap

Google มาเยี่ยมเว็บเมื่อ 6 ชั่วโมงที่แล้ว