เมษายน 19, 2024, 05:06:44 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กรรมฐานของฉัน  (อ่าน 14987 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« เมื่อ: สิงหาคม 06, 2012, 09:23:06 PM »

Permalink: กรรมฐานของฉัน
จะเขียนจากประสพการณ์ชีวิตที่เคยศึกษาและปฎิธรรมมา 25ปี แล้ว  ไม่รู้ว่าอะไรถูกหรืออะไรผิดในการที่เราจะเขียนต่อไปนี้  คนที่อ่านต้องใช้ปัญญาญาณให้ดีในการพิจารณา  แต่จากประสพการณ์ชีวิตที่ผ่านเป็นผ่านตายมาในการฎิบัติธรรมนั้นผู้เขียนขอการันตีว่า  และมีความเชื่อมั่นในแนวทางทั้งหลายที่เคยลองถูกและลองผิดมาแล้ว  จึงมีความเชื่อว่า แม้แม่น้ำร้อยสาย ในที่สุดแล้วมันก็ใหลลงสู่ทะเลฉันใด วิธีการในการปฎิบัติก็ฉันนั้น  .....ในสมัยแรกเริ่มผู้เขียนมีศัทธาในแนวของพุทธโธ  ใช่วิธีการนั่งสมาธิแบบกำหนดพุทธโธ  ใช้การกำหนดในอาสุภะช่วยในการปลง  และลดแรงของความอยากในกามมารมณ์  ใช้การกำหนดในสติปัฐฐานสี่  เห็นรูปในการเคลื่อนไหว  ตามดูจิตและอารมณ์ในการรับรู้ในยามที่มันมีผัสสะ  และธรรมมารมณ์ในตัวเองที่มันคอยคิดและวิตกวิจารณ์  ในปีแรกๆหรือระยะแรกๆนั้น  รู้สึกตรึงเครียดมาก  เราไม่ค่อยได้พูดได้คุยกับใครเลย  เหมือนคนบ้าที่อยู่ในโลกของตัวเอง  เวลาพูดกับสหายธรรมเราก็พูดในแนวของเรา  เวลาพูดเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียวในการสนทนาธรรมมะ  เวลาที่อยู่ในโลกของการกำหนดในการปฎิบัติ  มันแจ่มมากครับในเวลานั้นเราจะรู้อริยาบทของเราทุกอย่าง  ในการเคลื่อนไหว  แม้แต่ความรู้สีกที่เราคิด  และวิตกวิจารณ์ในยามที่เราอยู่ตัวคนเดียวและง่วนอยู่กับการกระทำของตนเอง  ในการนั้สมาธินั้นแรกๆนั้งแป๊บเดียวเหน็บก็กินขาแล้วทนเต็มที่ได้ไม่เกิน10นาที  เริ่มนั้งที่แรกจิตมันสงบในองค์บริกรรม  พอเริ่มเหน็บกินจิตมันเริ่มฟุ่งซ่านไปเรื่อยๆทำอย่างไรก็เหมือนเดิม  ต้องผ่อนและเปลี่ยนกิริยา มันจึงคลาย  ในการปฎิบัติเวลานั้งสมาธิ  หรือเดินจงกรมนั้นช่วงแรกผมใชการภาวนา พุทธโธ  เมื่อออกจากสองอย่างนี้ ผมใช้การกำหนดรู้ใรการเคลื่อนไหวและตามรู้อารมณ์  จะทำอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา  จนเราแทบจะไม่รับรู้อะไรเลย  พรุ่งนี้จะเขียนต่อ     




บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2012, 09:05:16 PM »

Permalink: กรรมฐานของฉัน
ต้องขออภัยท่านที่เปิดอ่านในกระทู้ธรรมนี้..ที่เขียนไม่ต่อเนื่องครับ..วันนี้ก็ไม่สดวกในระบบของการสื่อสาร...บ้านนอกคอกนาก็อย่างนี้และครับ  เดียวมันก็ดี  เดียวมันก็ร้าย....กราบขออภัย  เดี่ยวจะกลับมาใหม่นะครับ
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 08:56:48 PM »

Permalink: กรรมฐานของฉัน
ในระยะ3เดือนแรกที่เร่งความเพียร  บนเขาเสาเดี่ยว  หลังวัดปอแดง   แทบบ้าครับ  การที่เราอยู่คนเดียวในป่าเปลี่ยว  นิสันเดิมกลัวผี  แต่ได้การภาวนาช่วยและอำนาจของผ้าเหลือง  และการสวดมนต์ในยามที่เรากลัว  และความเชื่อมั่นในกานรักษาศีล  มันทำให้เราคลายกังวลลงบ้าง  แต่ในยามคำ่าคืนเหมือนเดิมครับ  ความกลัวมันขึ้นสหมองลบไม่ออก  เป็นความทรมานครับในการทำความเพียร  แต่เราก็ไม่เคยถ้อทอย  แม้จะนั้งหลับกอดบาตร  สัปงกเราก็สู้  ในเดือนแรกแทบบ้าครับ  นอนละเมอร้อง  แต่ก็สู้ครับตายเป็นตาย ในเวลานั้นคิดอยู่อย่างนั้นจะสูไม่ถอย  ขอพิสูทธิ์ความจริงที่เรามีศัทธา  มันเริ่มได้ผลขึ้นเรื่อยๆ  จิตเริ่มสงบในองค์บริกรรมเวลานั้งสมาธิ  ออกจากสมาธิ ก็กำหนดในรู้ในการเคลื่อนไหว  และทุกอย่างที่เราทำและเกี่ยวข้อง  การที่เราไม่ได้พูดคุยกับใครในระหว่างที่เราอยู่ในป่าคนเดียวมันเห็นแต่ความคิดของตัวเราเอง  และความวิตกต่างๆของเรา  แต่ช่วงนั้นใจเราไม่ใส่ใจที่จะใคร่ครวญอะไรตามความคิด  คิดอยู่อย่างเดียวถ้าเราคิดตามมันเราเป็นบ้าแน่ๆ  เพราะมันทั้งกลัว และหิวโหย  และเหนื่อยอ่อนล้า  แล้วใจอีกตัวมันก็คอยถามตัวเองอยู่เรื่อยๆในยามที่หิว  และเหนื่อย  มึงบ้าหรือเปล่าที่มาอยู่อย่างนี้ทำอย่างนี้  คนเดียวมีใจสองดวงมันจะเถียงกันอยู่ตลอดถ้าเรามีเวลาว่างหรือในยามที่เราพักอาริยบทในการกำหนด  ความคิดมันอันตรายจริงๆในการที่เราอยู่คนเดียว  แต่การเร่งความเพียรของเรา  ที่มีความกลัวคอยบอกเตือน   มันทำให้เราไม่มีเวลาว่างมาก  เราต้องอยู่กับการกำหนดในเวลากลางวัน  สลับกับการนั้งสมาธิ  เพราะในเวลากลางคืนนั้น เราไม่กล้าที่จะออกมาเดินจรงกลม  เราก็ต้องนั้งสัปงกจนกว่าเราจะฟุบกับบาตรของตน  ตื่นขึ้มาก็พยายามนั้งต่อ  จะฝึกตนเองอยู่อย่างนี้ทุกวัน  พอผ่านไประยะหนึ่งประมาณสี่สิบวัน  ตัวเราอย่างนี้เบามากเลยผอมเห็นถนัดตา  ช่วงนี้การนั้งสมาธิสงบมากนั้งได้นานขึ้น  เริ่มแรกสู้สุดๆไม่เกิน30นาที  นี้ก็ขาแทบขาดแล้ว  พอคลายก็เป็นเหน็บอยู่นานโข  ช่วงนี้นั้งได้เป็นชั่วโมง  อารมณ์ก็นิ่งพอคลายจกสมาธิจิตก็อิ่มเอิบ  ความกลัวเริ่มน้อยลงเริ่มเดินจรงกลมตอนหัวคำ่ได้บ้าง...ความที่เราตัดสินใจที่ยอมตายไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับการเป็นอยู่อย่างนี้  มันมีอานิสงฆ์มากเลย  ลดแรงกดดัน  ลดความกลัว  และเพิ่มศัทธาให้เราสู้ในการที่เราอยู่อย่างนี้   ....ช่วงนี้สมาธิที่เกิดจากการนั้งนั้นมีพลังมาก  จิตก็สงบ  ไม่ค่อยฟุ้งซ่าน  ไม่ส่งออกนอกมากเท่าใด  ความกลัวเริมน้อยลง  กล้าที่จะออกมาเดินจรงกลมในยามค่ำคืน  การกำหนดในอริยาบทก็แจ่มมากขึ้น  คงเป็นเพราะจิตเราไม่ฟุงซ่าน  เราจะเห็นตัวเราเองใการเคลื่อนไหวทุกอย่าง  60วันสมาธิชัดเจนมาก  ที่รู้วันเพราะจะหักไม้ใส่กะลามะพร้าวเอาใวดูว่าเราปฏิบัติธรรมได้กี่วันแล้ว  เพราะตั้งเป้าเอาใว้90วัน  ที่สมาทานอยู่อย่างนี้  ช่วงนี้อารมณ์ของการปฏิบัติทรงตัว  นั้งสมาธิได้ชั่วโมงกว่าๆ  จิตเกาะติดองค์ภาวนาต่อเนื่อง  ออกจากการนั้ง  ก็อยู่กับการกำหนดรู้ในการเคลื่อนไหว  สลับกันอยู่อย่างนี้ตลอด  นอกจากวันไหนเพลียมากก็เพลอเอนหลังหลับเลยครบ90วันก็ออกจากป่าลงมาจากเขา  มาสอบถามอารมณ์กับหลวงปู่บุญ  ท่านก็แนะนำว่าให้พิจารณาอารมณ์ของเราและสมาธิของเราให้เป็น  อนิจัง  และปล่อยวาง  แต่เราไม่เข้าใจ  ก็ถามท่านว่า  ทำไมสมาธิของผมมันไม่ลงลึกมากกว่านี้ทั้งทีผมปลีกวิเวกและไม่พูดคุยกับใครๆเพ่งในการทำความเพียรอยู่ตลอดเวลา  ท่านก็ตอบว่าในการนั้งสมาธิเรากำหนดพุทธโธ  ในการเดินจรงกลมเราก็กำหนดพุทธโธเช่นเดียวกัน  อารมณ์ของสมาธิจึงจะต่อเนื่อง  ผมก็กลับมานั้งพิจารณาดูก็น่าเป็นจริง  จึงเปลี่ยนการกำหนดใหม่  ทำอยู่20กว่าวันจิตมันไม่นิ่งเหมือนเดิม  ผมก็ไปถามท่านอีกว่าผมทำอย่างที่อาจารย์บอกแล้วทำไมอารมของสมาธิของผมตรึงเครียด  ไม่เย็นเหมือนเดิม  ท่านบอกว่าอารมณ์สมาธิที่เกิดขึ้นจากการที่เราปฎิบัติแบบอยู่คนเดียวในป่านั้นมันเป็นอารมณ์ของความวิเวกผสม  แต่ถ้าอยู่อย่างนี้  อารมณ์นั้นมันถูกผัสสะของถายนอกที่มีผู้คน  และเราเองก็ได้พูดคุย  มันจึงต่างกัน  และสมาธิของเรายังไม่แกร่งพอ  และเราเองมุ่งในการกำหนดมากเกินไป  ปัญญาในส่วของการปล่อยวางและอุเบกขาเราก็ไม่มี  ท่านจึงแนะนำให้ปฎิบัติต่อให้ต่อเนื่อง  ไม่ว่าจะเป็นการนั้ง หรือการเดินจรงกลม  ครับผมเองก็ยอมรับว่าอารมณ์ที่อยู่ในป่าคนเดียว  กับการที่เราออกมาอยู่ข้างนอก  มันเป็นจริงๆเหมือนหลวงปู่ท่านบอก  ผมก็เลยกราบลาท่านว่าผมจะออกเดินธุดงค์  ไปหาประสพการณ์ตามป่าตามถ้ำแล้วจะกลับมารายงานท่านใหม่  ...ดี่ยวจะมาเขียนต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 23, 2012, 11:03:23 AM โดย ประวิต » บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2012, 09:18:06 PM »

Permalink: กรรมฐานของฉัน
ในตอนแรกนั้นก็ไม่ได้เดินธุดงค์หรอกแต่เลือกที่จะไปสหายธรรมที่วัดเขาเสาเดี่ยวซึ่งอยู่บนเขาหลังวัดปอแดง  พอเจอกันก็แรกเปลี่ยนความรู้ในการปฏิบัติสอบถามกันอยู่ประมาณ5วัน ก็ตกลงกันว่าจะไปศึกษาแนวทางของหลวงพ่อพุทธทาส ที่สวนโมกข์ ที่นั้นคงให้ความกระจ่างแก่เราในหลายทางในแนวทางของการปฎิบัติ  เพราะได้ยินกิติศัพท์ของหลวงพ่อพุทธทาส  ก็ไปขอเงินโยมพ่อของเพื่อนพระด้วยกัน  ท่านก็ส่งค่ารถจนถึงสวนโมกข์โดยทางรถไฟ  อยู่สวนโมกข์สามเดือนเศษ ความคิดเริ่มเปลี่ยนจากเดิมเพราะแรงบัลดาลใจเรื่องปฎิจสมุปบาท  และเรื่อง อนาปานสติ  และได้รับคำแนะนำจากสหายธรรมหลายท่านด้วยกัน  ช่วงนี้ศัทธาพุ่งเกินร้อย  จึงชวนเพื่อนพระที่มาด้วยกันเดินธุดงค์ ตั้งเป้าหมายเส้นทางในการเดิน ที่สวนโมกข์ ไปจังหวัดกาญจนบุรี  เราจะพักจำพรรษาที่แถวเขื่อนศรีนครินทร์กัน เพราะเวลาที่เดินทางนั้นเหลืออยู่สี่เดือนกว่า ที่จะถึงวันเข้าพรรษา  พอตกลงกันแล้วว่าอีกสามวันจะออกเดินทาง  ครบวันเพื่อนกันบอกว่าไม่พร้อมที่จะเดินธุดงค์ได้  จะขอกลับไปที่บ้านก่อนที่อำเภอปักษ์ธงชัย  เราสองคนก็เลยต้องแยกทางกัน  ผมตัดสินใจเดินตามความประสงค์  ส่วนเพื่อนนั้นไม่รู้ว่ากลับบ้านแล้วหรือยัง  เพราะตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย  ผมก็เดินทางตามความตั้งใจ  ค่ำไหนพักที่นั้น แรกๆไม่เคยเดินธุดงค์ หนังสือและของใช้น้ันเต็มย่าม รวมทั้งกลด  เดินไปหนักไป หนักขึ้นเรื่อยๆ  ต้องทิ้งทีละอย่าง ตามหน้าบ้านคน แม้แต่หนังสือคู่มือมนุษย์  และหนังสืออนาปานสติ  ก็ต้องทิ้งเช่นกัน เพราะมันหนักครับ  ยิ่งเดินยิ่งหนักครับ ช่วงเดินก่อนถึงชุมพร  จำได้ว่าช่วงนั้นฝนตกหนักมาก เปี๊ยกอยู่อย่างนั้นและครับกลางคืนก็นอนไม่ได้  ได้แต่นั้งยองๆกอดบาตรเอาไ้้ว้  ผีก็ยังไม่หายกลัวนะครับ  แต่ก็สู้ตายครับ คิดอยู่อย่างเดียว  เวลาเดินช่วงนี้เปลี่ยนแนวทางกำหนด  จากการกำหนด ในกิริยาของการเคลื่อนใหว  ก็มากำหนดลมหายใจแทน  เดินไปดูลมหายใจอย่างเดียว ไม่ค่อยมีสมาธิหรอกครับเพราะเจ็บเท้าและแสบหลัง  ปวดเมื่อยมากๆ  จำไม่ได้ว่ากี่วันที่เดินถึงบางสพานน้อยที่นั้นมีวัดบางสพาน จึงพักอยู่ที่นันสองอาทิตย์โดยประมาน  เพราะเท้าบวมและแตก  พอหายดีก็เดินต่อ ..พรุ่งนี้จะมาต่อ
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2012, 08:45:04 PM »

Permalink: กรรมฐานของฉัน
ช่วงนี้งานยุ่งครับ  ไม่มีเวลาเขียนต่อ  ขอโทษทุกท่านที่เปิดอ่านในข้อความ.........คงไม่นานจะมาเขียนต่อ......ถ้าท่านใดสงสัยให้อ่านในบทความ...สัมมาทิฎฐิ  และนิพพานแทนนะครับ  เป็นบทความที่มีหัวใจเดียวกันครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


บทความและไฟล์ภาพ ในเว็บไซต์แห่งนี้อาจนำมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ทีมงานคิดว่ามีประโชยน์ต่อผู้อ่าน โดยให้ผู้อ่านเกิดควมบันเทิง และให้ความรู้ โดยที่เราจะให้เครดิตทุกครั้งที่นำมา หากไฟล์ภาพหรือบทความใด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ต้องการให้นำมาแสดง โปรดแจ้งมาที่ tumcomputer@hotmail.com ทางทีมงานจะได้นำบทความนั้นออกทันที ขอบคุณครับ


เว็บนี้จัดทำโดย นายสุรัตน์ ศรลัมภ์ และครอบครัว อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ

HTML Hit Counters
Powered by SMF 1.1.17 | Simple Machines|Copyright © 20010 BY : thammaonline.com
บทความธรรมะรวมเรื่องกฏแห่งกรรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐานพลังจิตกระดานถาม-ตอบ Sitemap

Google มาเยี่ยมเว็บเมื่อ 8 ชั่วโมงที่แล้ว