กรรมฐานจาก คันธภกสูตร ทุกข์เพราะฉันทะราคะ
คันธภกสูตร ฉันทะราคะเป็นเหตุแห่งทุกข์
เพราะมีฉันทะราคะกับ คน สัตว์ สิ่งของที่ตนเอาใจครอบครองอยู่ หรือที่ตนมีอยู่ เช่น ลูก เมีย สามี พี่ น้อง พ่อ แม่ ญาติสนิท มิตรสหาย
..แก้โดยโพชฌงค์ตามกาล คือ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ เป็นความสงบใจจากกิเลสด้วยปัญญารู้เห็นตามจริง มีอาการที่สงบรำงับ ผ่อนคลาย เบาใจ เย็นใจ ไม่เร่าร้อน ปลงใจ ปล่อย ไม่เกี่ยวยึด
..ปุถุชนเรานี้แก้อุปาทานจากฉันทะราคะให้ถึงความสงบใจจากกิเลสโดย รู้ในกรรมตามจริงว่า มีกรรมนำพาให้พบเจอเป็นไป
..ทั้งกรรมในอดีตที่ทำมาแต่ชาติปางก่อน ..ชาติก่อนอาจเลว-ชาตินี้อาจเลว ..ชาติก่อนอาจเลว-ชาตินี้อาจดี ..ชาตินี้อาจดี-ชาติก่อนอาจเลว ..ชาติก่อนอาจดี-ชาตินี้ก็ดียิ่งขึ้น ทุกๆอย่างทุกๆการกระทำล้วนมีผลสืบต่อ จะดี จะร้าย ล้วนแล้วแต่เป็นไปด้วยกรรม
..หรือกรรมในกาลที่ผ่านมานี้
..หรือกรรมในปัจจุบันกาลนี้
..สมดั่งพระศาสดาตรัสสอนใน อุเบกขาอัปปมัญญาว่า ..เรามีกรรมเป็นเหตุ มีกรรมเป็นของๆตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นที่ติดตาม อาศัย เราเป็นทายาทกรรม ..บุญบารมีที่ทำสะสมติดตัวมาเท่านั้นที่ช่วยค้ำไว้ได้ หนักเป็นเบา เบาเป็นไม่ส่งผล หากบุญกุศลทำมาน้อยกว่าบาปอกุศลก็ต้องรับผลเป็นไปตามอกุศลกรรมนั้น ไม่มีใครจะล่วฃพ้น หรือไปห้ามมันได้
..ดังนั้นอย่าไปคาดหวัง เพราะถึงคาดหวังหรือโหยหาประวนกระวายใจไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ตัวเขาทำเองทั้งนั้น
..ให้ตั้งความรู้ตัวเพียงในปัจจุบันไม่ยึดเอาสมมติกิเลสที่ปรุงแต่งจิตมาให้ใจรู้ คือ ความคิด ความตรึกถึง คำนึงถึง หวนระลึกถึงที่ติดตราตรึงใจ ยินดี โหยหา กระหาย ยินร้าย ผลักไสทั้งปวง เอาใจมารู้ของจริงที่ไม่เจือสมมติกิเลสปรุงแต่งจิต คือลมหายใจเรานี้แล อย่าทิ้ง..พุทโธ เพราะพุทโธนี้เป็นทั้งคุณูประการองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นกิริยาจิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
สิ่งที่เป็นสุขที่สุดคือพ้นจากความคิดต่างๆ
- เอาใจเราอยู่เหนือความคิด อารมณ์ความรู้สึกเครียดๆทั้งปวง
- หายใจเข้า ทำใจเบา ว่าง โล่ง สบายๆ ไม่มีเรื่องเครียด ไม่มีเรื่องให้คิด
- หายใจออก ผ่อนคลายๆๆๆ
- ทำใจให้ว่าง โล่ง เบา สบาย หายใจเข้า
- ทำใจให้สบาย ผ่อนคลายๆ หายใจออก
เราจะรู้สึกเบาสบาย
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=8263&Z=8344