เมษายน 20, 2024, 03:43:37 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หน้าที่จิต ๑๔ ประการ  (อ่าน 8781 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
๑ บาท
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 0


เพศ: ชาย
อายุ: 47
กระทู้: 57
สมาชิก ID: 2008


« เมื่อ: มิถุนายน 07, 2017, 10:26:29 PM »

Permalink: หน้าที่จิต ๑๔ ประการ
หน้าที่การงานของจิตมี ๑๔ ประการดังต่อไปนี้
๑. ปฏิสนธิกิจ ทำหน้าที่สืบต่อภพใหม่ เป็นขณะจิตแรกที่ปรากฏขึ้นในภพใหม่ มีเพียงขณะจิตเดียวเท่านั้น
๒. ภวังคกิจ ทำหน้าที่ รักษากรรมวิบากของรูปนามสืบต่อจากปฏิสนธิจิต และกรรมชรูปให้ดำรงอยู่ตราบเท่าอายุขัย
๓. อาวัชชนกิจ หน้าที่พิจารณาน้อมนึกอารมณ์ที่มาปรากฏ
๔. ทัสสนกิจ หน้าที่เห็นรูปทางประสาทตา
๕. สวนกิจ ทำหน้าที่ได้ยินทางประสาทหู
๖. ฆายนกิจ ทำหน้าที่รู้กลิ่นประสาทจมูก  
๗. สายนกิจ ทำหน้าที่รู้รสประสาทลิ้น
๘. ผุสนกิจ หน้าที่รับสัมผัสทางกายประสาท
๙. สัมปฏิจฉันนกิจ หน้าที่รับปัญจารมณ์ ต่อจากประสาทเหล่านั้น
๑๐. สันตีรณกิจ การทำหน้าที่ไต่สวนอารมณ์ต่อจากสัมปฏิจฉันนจิต
๑๑. โวฏฐัพพนกิจ การตัดสินกำหนดปัญจารมณ์ โดยความเป็นกุศล อกุศล
๑๒. ชวนกิจ การเสพอารมณ์ ๖ ด้วยกุศล อกุศล กิริยาจิต และโลกุตตรวิบากจิต บุญหรือบาปย่อมเกิดในขณะแห่งชวนกิจนี้
๑๓. ตทาลัมพนกิจ ทำหน้าที่เก็บอารมณ์ที่เหลือจากชวนเสพแล้ว
๑๔. จุติกิจ หน้าที่เคลื่อนจากภพ(ตาย) เป็นจิตดวงสุดท้ายในภพชาติ มีการเก็บกรรมกิเลสไว้ และส่งผลต่อปฏิสนธิในภพชาติต่อไป




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 07, 2017, 10:33:05 PM โดย ๑ บาท » บันทึกการเข้า
ไหลเย็น
รู้ธรรมคือรู้ตน
ผู้ดูแลบอร์ด
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 101


เพศ: ชาย
อายุ: 47
กระทู้: 391
สมาชิก ID: 565


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2017, 09:36:05 PM »

Permalink: หน้าที่จิต ๑๔ ประการ
อนาคตวงศ์พระนิยตโพธิสัตว์ ๓๐ พระองค์ : หลวงปู่จาม

เรานี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของเราเอง มันต้องผ่านสิ่งเหล่านี้ต่อๆไป เกิดมาแล้วมันต้องมีภัย ไม่ภัยอย่างหนึ่ง ก็ภัยอีกอย่างหนึ่ง ความติฉิน ความนินทาเป็นภัย ความยกย่องสรรเสริญเป็นภัย สิ่งเหล่านี้แปลว่าตื่นพยาธิโรคา เป็นภพ ภพไปสู่สวรรค์ ไปสู่พรหมโลก

เรานี้แปลว่าหน้าที่ของทุกคนนั้นเอง มันต้องผ่านพบปะสิ่งเหล่านี้ตลอดไป ให้เราทุกคนฟังแล้วให้คิดอ่านพิจารณาตัวของตนต่อไป จะได้เป็นปัจจัยเป็นเครื่องเตือนตัวของเราต่อไปภายเมื่อหน้า หน้าที่นรกไป หน้าที่สวรรค์ไป หน้าที่เป็นผีไป หน้าที่เป็นเปรตไป เอากันอยู่อย่างนี้ตลอดเป็นนิตย์ กลับไปกลับมา ให้นึกถึงคุณงามความดีของตนต่อ

เมื่อพบปะอันตรายใดๆ บุคคลที่มีเวรต่อกันแล้ว กูทำร้ายมึง มึงทำร้ายกู ชีวิตนี้ชีวิตหน้าไม่ให้พ้นภัยไปได้ง่ายๆ ให้เรามีความอดทนในการทำความดี เก็บเล็กผสมน้อย เราจึงจะได้ขยับเข้าใกล้กับบัณฑิตในภายภาคหน้า จึงให้กันพอใจสะสมสมบัติความดีของตน บุญของพวกเราในอดีตได้ทำมาดีแล้ว แต่ก็ให้เพิ่มความดีของตน จึงจะได้ชัยชนะภายในวันข้างหน้า จึงจะได้สำเร็จมรรคผลเป็นพระอริยะบุคคล พระอริยะบุคคลที่ท่านได้สำเร็จสิ่งความชั่วได้เด็ดขาด

ในใจของท่านจึงได้สำเร็จเป็นพระอริยะบุคคล พ้นจากบุญ พ้นจากบาป มีธรรมะเป็นที่อยู่ในใจของตน ถึงเวลาวาระแล้วที่จะทำความดีของตน ถึงเวลาแล้วก็ตั้งใจให้แน่แน่ว สูยังสิได้เกิดอยู่นี้จักเท่าภพเท่าไหร่กัลป์ เท่าไหร่กัป เท่าไหร่ชาติ จึงจะได้ไปสู่พระนิพพาน

มันยังจะได้เกิดในโลกนี้นับบ่ได้ล่ะ ตายเกิด ตายเกิด อยู่จนตลอดไป ชีวิตที่อายุยาว ก็อสงไขยปีตาย ชีวิตที่อายุสั้นๆ ก็ ๑๐ ปีตาย มันจะผ่านต่อไปเมื่อหน้า
พระศรีอารียะฯ ต่อแต่นี้จะไปตรัสรู้เป็น พระศรีอาริยะเมตไตรโยพุทธเจ้า ๒ กัป

๑ คนอายุ ๑๐๐ ปีลง เมื่อครบรอบ ๑ ปี อายุลดลง ๑ ปี ๑๐๐ปี เมื่อรอบหลุด ๑ ปี จนถึงอายุไขยมนุษย์ถึง ๑๐ ปีตาย ปี ทุกๆ ๑๐๐ ปี อายุมนุษย์จะลดลง ๑ ปี (อายุเฉลี่ยปัจจุบัน ๗๕ ปี อายุน้อยลง คนก็จะตัวเล็กลง อายุมากขึ้น คนก็ตัวใหญ่ขึ้น) เรียกว่า กัปไขยขึ้น

แล้ว ๑๐๐ ปี อายุของมนุษย์เพิ่มขึ้น ๑ ปี ทุกๆ ๑๐๐ ปี อายุมนุษย์จะเพิ่ม ๑ ปี จนถึง อสงไขยปี คำว่าอสงไขยปี แปลว่านับไม่ได้ ร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน แสนล้าน หลายแสนล้าน จนนับล้านไม่ได้ อันนั้นเรียก อสงไขยปี เรียกว่า กัปไขยลง

เมื่อถึงอสงไขยปี แล้ว ๑๐๐ ปี รอบหลุด ๑ ปี จนถึงอายุมนุษย์ยุคนั้นถึง ๘ หมื่นปี พระศรีอาริยะฯ จึงจะได้ลงมาตรัสรู้ในโลก เมื่อพระองค์อายุ ๑๓,๕๐๐ ปี เจ้า ออกบวชบำเพ็ญ ๗ วัน จักได้ตรัสเป็นพุทธเจ้า เทศน์สอนธรรมอยู่ ๘๐,๐๐๐ ปี อายุ ๑๐๓,๕๐๐ ปี เสด็จเข้าสู่พระปรินิพพาน

พระศรีอาริยะฯ ยังจะต้องเกิดอีก ๓ หมื่นชาติ ยังจะไปตกนรกอีก ๓๐๐ ชาติ

พวกสูอย่าเข้าใจว่าตัวของตนดี ขนาดเพิ่นบารมีแก่ขนาดนั้น ยังจะต้องไปนรกอีก ๓๐๐ ชาติ ยังจะเกิดอีก ๓ หมื่นชาติ

หมดจากนั้นไปแล้ว พระพุทธเจ้าเทศน์สอนธรรมะอยู่อีก ๘ หมื่นปี สาวกองค์พระอรหันต์ เทศน์สอนธรรมอีก ๘๐,๐๐๐ ปี อุบาสก อุบาสิกา สำเร็จธรรม เป็นพระโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี เทศน์สอนธรรม อีก ๘๐,๐๐๐ ปี อุบาสก อุบาสิกา รักษาศีล ๕ ศีล ๘ เทศน์สอนธรรม อีก ๘๐,๐๐๐ ปี

หมดจากนั้นไปแล้ว เป็นสูญกัปจนถึง ๑ แสนกัป คนอายุสั้น ๑๐ ปีตาย ๕ หมื่นครั้ง คนอายุยาวถึงอสงไขยปีตาย ๕ หมื่นครั้ง จึงจะได้ตั้งภัทรกัปของพระรามพุทธเจ้า ภัทรกัปนั้นมี ๘ กัป คนอายุสั้น ๑๐ ปีตาย ๔ ครั้ง คนอายุยาวถึงอสงไขยปีตาย ๔ ครั้ง ครั้นกัปสุดท้าย พระรามฯ จึงจะได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระรามพุทธเจ้า

ในต้นปีจนตลอดไปนั้น จะมีพระฤาษีโยคีเกิดขึ้น จะมีพระยาจักรพรรดิ์ตราธิราชเกิดขึ้น จะมีพระปัจเจกพุทธเจ้าเกิดขึ้น คนทั้งหลายจะได้ทำบุญกับพระปัจเจกก์ ทำบุญกับพระฤาษีโยคี และจะได้ฟังธรรมจากพระยาจักรพรรดิ์ตาธิราช จนกัปสุดท้ายพระรามฯ จึงจะได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระรามพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีก ๑ แสนกัป นาราธิราช ตั้งภัทรกัปขึ้นอีก ๘ กัป จึงจะได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระเจ้าปเสนทิโกศล (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ผู้เพิ่นตั้งพระคณะธรรมยุติขึ้นในเมืองไทยเราเป็นพระองค์แรก) กับ พระอินทราธิราช จึงจะได้ลงมาตรัสรู้ ในภัทรกัปนั้นมีพระพุทธเจ้า ๒ องค์

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระสุภะ จึงจะได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระโสณะ มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระเตยยะ มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป กับอีก ๑ หมื่นกัป กับอีก ๕ พันกัป พระนาฬาคิลิงค์ ครูบาขาวปี (พญาช้างนาฬาคิลิงค์) จึงจะได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑๐ จึงจะได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระปาลิไลยโย ครูบาศรีวิชัย (พญาช้างปาลิไลย์) มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑๑ จึงจะได้ลงมาตรัสรู้ องค์ที่ ๑๑ ตอนนี้ยังบำเพ็ญบารมีอยู่ เกิดเป็นโคสภราชวัดศรีจอมทอง เชียงใหม่ ลากจูงขนไม้ขนของอยู่วัดศรีจอมทอง องค์ที่ ๑๒ ตอนนี้ยังไปตกนรกอยู่ ในภัทรกัปนั้นมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพียง ๒ พระองค์

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป มหาตมา คานธี กับ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ หรือ สมเด็จพระราเมศวรบรมไตรโลกนาถบพิตร หรือ สมเด็จพระราเมศวร ที่เพิ่นได้เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ไทยในอดีต จักได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า องค์ที่ ๑๓ กับองค์ที่ ๑๔ ในภัทรกัปนั้นมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพียง ๒ พระองค์

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระราชเถรโพธินัน จึงจะได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า องค์ที่ ๑๕ มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป กับอีก ๒ หมื่นกัป พระปิยะมหาราช ที่เพิ่นได้เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ในเมืองไทย พระปิยะมหาราช รัชกาลที่ ๕ จักได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า องค์ที่ ๑๖ มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ผู้ปกครองราชอาณาจักรล้านช้าง เมืองเวียงจันทร์ ได้สถาปนาพระธาตุหลวงเวียงจันทร์ ได้สร้างพระพุทธรูปพระเจ้าองค์ตื้อ ตอนนี้อยู่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย

เป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนจากสองฝั่งโขงให้ความเคารพและเลื่อมใสศรัทธามาก หลวงพ่อพระไชยเชษฐาธิราช วัดพระไชยเชษฐาธิราช บ้านกวนวันใหญ่ ตำบลกวนวัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย สร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เมื่อครั้งโบราณ กษัตริย์ลาวทุกพระองค์จะเสด็จมากราบนมัสการทุกปี

อันแสดงถึงความสำคัญของพระพุทธรูปองค์นี้ ได้สร้างพระธาตุศรีสองรัก ตอนนี้อยู่เมืองเลย และเคยเป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรล้านนา เมืองเชียงใหม่ในอดีต จักได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า องค์ที่ ๑๗ กับพระอาจารย์ดี ฉนฺโน (หลวงปู่ดี ฉันโน วัดภูเขาแก้ว ต.พิบูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ใหญ่เสาร์ กนฺตสีโล และหลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทตฺโต จักได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า องค์ที่ ๑๘ ในภัทรกัปนั้นมีพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีกนานที่สุด องค์ที่ ๑๙ กับ องค์ที่ ๒๐ จึงจะได้ลงตรัสรู้ มีพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์ในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป องค์ที่ ๒๑ จึงจะได้ลงตรัสรู้ มีพระพุทธเจ้า ๑ ในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีกนานที่สุด องค์ที่ ๒๒ กับ องค์ที่ ๒๓ เป็นประเภทปัญญาธิกะที่ ๒ กับปัญญาธิกะที่ ๓ จักได้ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ในภัทรกัปนั้นมีพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป องค์ที่ ๒๔ จึงจะได้ลงตรัสรู้ มีพระพุทธเจ้า ๑ ในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป องค์ที่ ๒๕ กับ องค์ที่ ๒๖ จึงจะได้ลงตรัสรู้ มีพระพุทธเจ้า ๒ ในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป องค์ที่ ๒๗ กับ องค์ที่ ๒๘ จึงจะได้ลงตรัสรู้ มีพระพุทธเจ้า ๒ ในภัทรกัปนั้น

หมดจากนั้นไปอีกสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป องค์ที่ ๒๙ กับ เจ้าเมืองนครพนม เจ้าคุณจันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม องค์ที่ ๓๐ แบบพระวิริยะที่ ๑ อายุแสนปี เพิ่นเป็นอาจารย์ของอุปัชฌาย์ผู้ข้าฯ เจ้าคุณธรรมเจดีย์ ท่านเจ้าคุณจูม พันธุโล วัดโพธิสมภรณ์ เมืองอุดร ในภัทรกัปนั้น มีพระพุทธเจ้า ๒ พะองค์ จักลงมาตรัสรู้
อันนี้หมายถึงการจะลงมาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าไปในภายภาคหน้า ห่างไกลที่สุด ๑ แสนกัป ตั้งแต่พระปทุมุตตะโรพุทธเจ้า พระสุชาตะโรพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้า ๑๖ พระองค์
นับตั้งแต่พระทีปังกรพุทธเจ้ามาตรัสแล้ว

นับจากนั้นไปสูญกัปอีก ๕ หมื่นกัป พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า มาตรัส

ต่อจากนั้นไปสูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระมังคะละพุทธเจ้า มาตรัส

สูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระมุนีสุมังคะละพุทธเจ้า, พระสุมะนะพุทธเจ้า, พระเรวะตะพุทธเจ้า, และพระโสภิตะพุทธเจ้า มาตรัส

สูญกัปไปอีก ๑ แสนกัป พระอโนมะทัสสีพุทธเจ้า, พระปะทุมะพุทธเจ้า, และพระนาระทะพุทธเจ้า มาตรัส

สูญกัปไปอีก ๓ หมื่นกัป พระปทุมุตตะโรพุทธเจ้า พระสุชาตะโรพุทธเจ้า มาตรัส

ตั้งแต่นั้น พระพุทธเจ้า พระปทุมุตตะโรพุทธเจ้า จนมาถึงพระโคตมะพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่พวกเรากราบไหว้อยู่บัดเดี่ยวนี้ ๑ แสนกัป

อันนี้นับว่าดีที่สุด ๑ แสนกัป มีพระพุทธเจ้าถึง ๑๖ พระองค์ ต่อไปเมื่อหน้านานที่สุด จึงจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ในโลก

อันนี้หมายถึงบุคคลที่จะต้องเกิดตายอยู่ในสมัยสูญกัป อายุสั้น อายุยาว เท่าไหร่กัป เท่าไหร่กัลป์ จนตลอดกันไป อยู่อย่างนี้

หน้าที่นรกไป หน้าที่เป็นเปรตไป หน้าที่เป็นเดรัจฉานไป หน้าที่เป็นผีไป หน้าที่สวรรค์ไป หน้าที่ผู้เป็นฤาษีไปสู่พรหมโลกเอาอยู่อย่างนี้ตลอดเป็นนิตย์ แต่นี้ต่อไปก่อนจะถึงพระศรีอาริยะฯ จักได้มาลงมาตรัสรู้ จะมีปัจเจกพุทธะลงมาตรัส ๒๐๑,๐๐๐ องค์ แต่จะไม่ได้ลงมาพร้อมกันทีเดียว สุดแล้วแต่ยุคเพิ่นจะลงมา ๑๐๐, ๒๐๐, ๕๐๐, ๑ พัน, ๒ พัน, ๕ พัน, หมื่น สองหมื่น ตลอดกันไปเป็นนิตย์

ฤาษีไม่ต้องพูดถึงมีมากมาย มีทั้งชาย ทั้งหญิง ไปบำเพ็ญอยู่ตามภูเขาเหล่ากา พวกเหล่านี้ทำองค์ฌาณให้ถึงก็ไปสู่พรหมโลก นี้ละได้เราคิดนึกแก้ไขตัวของเจ้าของ อย่าให้ไปตกนรก อย่าเข้าใจว่านรกไม่มี เปรตไม่มี ผีไม่มี...


ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๑๙๒
(วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๙
บันทึกการเข้า

เกียรติคุณ
ผู้ปฏิบัติธรรม
*****

พลังความดี : 65


เพศ: ชาย
อายุ: 46
กระทู้: 958
สมาชิก ID: 841


« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2017, 05:47:29 AM »

Permalink: หน้าที่จิต ๑๔ ประการ
สาธุ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


บทความและไฟล์ภาพ ในเว็บไซต์แห่งนี้อาจนำมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ทีมงานคิดว่ามีประโชยน์ต่อผู้อ่าน โดยให้ผู้อ่านเกิดควมบันเทิง และให้ความรู้ โดยที่เราจะให้เครดิตทุกครั้งที่นำมา หากไฟล์ภาพหรือบทความใด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ต้องการให้นำมาแสดง โปรดแจ้งมาที่ tumcomputer@hotmail.com ทางทีมงานจะได้นำบทความนั้นออกทันที ขอบคุณครับ


เว็บนี้จัดทำโดย นายสุรัตน์ ศรลัมภ์ และครอบครัว อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ

HTML Hit Counters
Powered by SMF 1.1.17 | Simple Machines|Copyright © 20010 BY : thammaonline.com
บทความธรรมะรวมเรื่องกฏแห่งกรรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐานพลังจิตกระดานถาม-ตอบ Sitemap

Google มาเยี่ยมเว็บเมื่อ มีนาคม 11, 2024, 03:18:41 PM