ทั้งหลายโดยอาการใด เธอย่อมได้ปีติและปราโมทย์โดยอาการนั้น ๆ การได้ปีติและปราโมทย์นั้น เป็นธรรมอันไม่ตายของผู้รู้แจ้งทั้งหลาย ธรรมนี้ คือความคุ้มครองซึ่งอินทรีย์ ๑ ความสันโดษ ๑ ความสำรวมในพระปาติโมกข์ ๑ เป็นเบื้องต้นในธรรมอันไม่ตายนั้น มีอยู่แก่ภิกษุผู้มีปัญญาในพระศาสนานี้
เธอจงคบมิตรที่ดีงาม มีอาชีวะอันหมดจด ไม่เกียจคร้าน
ภิกษุพึงเป็นผู้ประพฤติในปฏิสันถาร พึงเป็นผู้ฉลาดในอาจาระ เพราะเหตุนั้นเธอจักเป็นผู้มากด้วยปราโมทย์ กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ”
บรรดาบทพระคาถาเหล่านี้ ที่พระศาสดาทรงแสดงด้วยอย่างนี้ ในกาลจบพระคาถาหนึ่ง ๆ ภิกษุร้อยหนึ่ง ๆ บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ในที่แห่งตนนั่งแล้ว ๆ นั่นแล เหาะขึ้นไปสู่เวหาสแล้ว ภิกษุเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ก้าวล่วงทางกันดาร ๑๒๐ โยชน์ทางอากาศนั่นแล ชมเชยพระสรีระซึ่งมีสีดุจทองของพระตถาคตเจ้า ถวายบังคมพระบาทแล้ว ดังนี้แล
พระศาสดาทรงสถาปนาท่านเป็นเอตทัคคะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงสถาปนาเหล่าพระภิกษุผู้ทรงคุณต่าง ๆ ขึ้นเป็นพระเอตทัคคะ จึงทรงนำเรื่องที่ทรงประทานสาธุการที่พระโสณเถระกล่าวพระสูตรทั้งหมด ๑๖ สูตร จัดเป็นวรรค ๘ วรรค ด้วยสรภัญญะ พยัญชนะตัวหนึ่งก็ไม่เสียด้วยเสียงอันไพเราะ ในพระคันธกุฎีนั้นให้เป็นเหตุเกิดเรื่อง จึงทรงสถาปนาท่านเป็น เอตทัคคะผู้เลิศกว่าภิกษุผู้กล่าวถ้อยคำอันไพเราะ
คัดลอกจาก
http://www.dharma-gateway.com/monk-great-index-page.htm