หัวข้อ: ตัวใส่ร้าย เริ่มหัวข้อโดย: มุ่ยซัน ที่ มิถุนายน 17, 2019, 01:57:45 PM พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าคิดเช่นไรได้เช่นนั้น คิดให้เดือดร้อนมันก็เดือดร้อน คิดให้สงบก็ได้สงบ คิดให้มีกิเลสก็มีกิเลส คิดให้หลุดพ้นก็หลุดพ้น เพราะความคิดเป็นต้นเหตุแห่งการปรุงแต่งทุกอย่าง ถ้ารู้ทันจะคิดดับๆ ก็ดับความคิดได้ในขณะนั้น ถ้าเราหยุดคิดได้ทุกอย่างทั้งถูก ทั้งผิด ทั้งเกลียด ทั้งชอบ ทั้งดี ทั้งชั่ว ก็ได้ชื่อว่าเราเหนือกว่าใครๆ ทั้งสิ้น เพราะว่าจะเป็นการใส่ดีทุกขณะที่หยุดคิด แต่ถ้าขืนคิดต่อนั่นได้ชื่อว่าเป็นการใส่ร้าย ขยายผล หาที่จบไม่ลง เราลองทำวิจัยความคิดดูซิ ว่าจะจริงอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ไหม ขนาดแพทย์ยังวินิฉัยว่าโรคเกิดขึ้นจากความคิด การทำวิจัยต้องรู้ทันต้น กลาง สุด ของความคิด จะคิดก็รู้ทันว่าจะคิด จะหยุดก็ต้องรู้ทันว่าจะหยุด จึงจะทำวิจัยผ่าน ไอ้เรื่องการชี้แจงเหตุผลให้กับคนใส่ร้าย ยังไงเขาก็ไม่ยอมรับเหตุผล คอยให้ผลร้ายที่เขาผลิตเล่นงานเขาเองแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว เพราะการใส่ร้ายก็ต้องได้รับผลร้าย การใส่ดีก็ต้องได้รับผลดี เพราะรู้ทันจะคิดดับๆ จะไม่ใส่ร้าย เบียดเบียน เพ่งโทษใคร นั่นแหละเป็นกำไรรายได้แห่งชีวิตที่ชนะขาด ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกเลย ดูแต่พระโกกาลิกะซิ ใส่ร้ายกับพระอรหันต์ พระโมกขลานะ พระสารีบุตรว่าเป็นพระลามก โลภมาก พระพุทธเจ้าทรงห้ามว่าอย่าไปว่าใส่ร้ายพระอรหันต์ ผลร้ายมันจะเกิดขึ้น พระโกกาลิกะก็ว่าใส่ร้ายพระพุทธเจ้าว่าเข้าข้างกันล่ะซิ ทันใดนั้นตุ่มผื่นแดงก็เกิดขึ้นกับผิวหนังพระโกกาลิกะ ทีแรกเกิดตุ่มเท่าเม็ดถั่วเขียว ตอนสุดท้ายก็ขยายผลเท่ากับลูกมะตูม แล้วแตกน้ำเหลืองไหล ตายลงสู่อเวจีมหานรก ลึกและนานกว่าพระเทวทัต จึงโทษเราโทษเขาไม่ได้ว่าสุข ทุกข์นี้ เราทำหรือเขาทำ เพราะต้นเหตุอยู่ที่ความคิดทั้งสิ้น ถ้าดับความคิดก็เป็นการใส่ดี ถ้ามีความคิดก็เป็นการใส่ร้าย แล้วก็รับผลกันทั่วหน้า ใส่ร้ายทั่วปฐพี ใส่ดีแค่หนึ่งเดียวชนะขาด จากสายสืบนิสัยศาสตร์ |