หัวข้อ: อารมณ์ที่หลงอยู่ เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ มกราคม 24, 2013, 08:20:44 PM ธัมมารมณ์---หรืออารมณ์---ที่เราหลงอยู่---นั่นคืออะไร---ดูป็นคำถามที่วุ่นวายและยากในการตอบ---เพราะคำว่าหลง--หลง--คำเดียว.........
หัวข้อ: อารมณ์ที่หลงอยู่ เริ่มหัวข้อโดย: putchachaiyawut ที่ มิถุนายน 16, 2014, 01:36:05 PM สาธุๆ _/\_
หัวข้อ: อารมณ์ที่หลงอยู่ เริ่มหัวข้อโดย: Surasakkkkkkk ที่ กรกฎาคม 23, 2014, 11:23:24 AM สาธุครับสาธุ
หัวข้อ: อารมณ์ที่หลงอยู่ เริ่มหัวข้อโดย: Sommruedee ที่ สิงหาคม 13, 2014, 03:39:00 PM ความหลงคือหนทางที่ทำให้ทุกข์
หัวข้อ: อารมณ์ที่หลงอยู่ เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ สิงหาคม 31, 2014, 10:33:47 PM ใครเล่าเป็นผู้หลงและผู้รู้ว่าหลงและหลงมันคืออะไร
หัวข้อ: อารมณ์ที่หลงอยู่ เริ่มหัวข้อโดย: เกียรติคุณ ที่ กันยายน 02, 2014, 01:04:38 AM - ธรรมารมณ์ไรๆที่เป็นอกุศลลามกทั้งปวง ย่อมเป็นไปในราคะ
- ความกำหนัดในธรรมมารมณ์ ย่อมเป็นไปใน โลภะ โทสะ โมหะ - ธรรมมารรมณ์ใดๆอันประกอบด้วยโมหะทั้งหลาย เมื่อเสพย์เข้าไปย่อมหลงอยู่ฉะนั้น - โกรธจนลืมตัวขาดสติ เพราะมีจิตจดจ่อลุ่มหลงเสพย์กับอกุศลวิตกอันเป็นไปในพยาบาท - เมื่อมิจฉาสังกัปปะเข้าไป ในขณะใดขณะหนึ่งย่อมมีความโลภทำให้เพลินเพลินในอารมณ์ปรุงแต่งอันเร่าร้อนนั้นๆจนหลงลืมไม่รู้ทันอกุศลจิต ไม่รู้ตัวทั่วพร้อม - ความเพลิดเพลินไรๆอันดำเนินไป เมื่อเสพย์แล้วย่อมหลงลืมปัจจุบันขณะ มีจิตน้อมเสพย์ความเพลิดเพลินยินดีนั้นไปไม่รู้ตัว พระพุทธเจ้าจึงตรัสกับพระสารีบุตรว่า(ขอกล่าวโดยย่อ) ดูกร ! สารีบุตร ธรรมารมณ์ที่ควรเสพย์ และ ไม่ควรเสพย์ เป็นไฉน -ธรรมมารมณ์ใดที่เสพย์แล้ว ทำให้กุศลเสื่อมลง แล้วอกุศลเกิดขึ้น ธรรมมารมณ์นั้นๆไม่ควรเสพย์ -ธรรมมารมณ์ใดที่เสพย์แล้ว ทำให้อกุศลเสื่อมลง แล้วกุศลเกิดขึ้น ธรรมมารมณ์นั้นๆควรเสพย์ ความหลงมีสภาพอันปกปิดสติไว้ ปิดกั้นความรู้ตัว ทำให้หลงลืมสภาวะที่เป็นปัจจุบันขณะ เปรียบดั่ง กองถ่ายละครที่มีผู้กำกับฉากละคร ชี้ตั้งให้เรานั้นเป็นพระเอก เราก็เสพย์อารมณ์ว่าเราเป็นพระเอก ซึ่งเล่นไปตามบทบาทที่ผู้กำกับฉากละครตั้งไว้ แม้รู้ว่าเป็นละครแต่เมื่อได้เล่นก็เสพย์ความเพลิดเพลินจนคิดว่าตนเป็นบุคคลนั้นๆต้องกระทำนั้นมีความรู้สึกนั้นๆตามที่ผู้กำกับฉากละครเขียนบทให้เป็น จนหลงลืมความเป็นจริงว่าตนเป็นใครฉันใด โมหะก็เปรียบดั่งผู้กำหับฉากละครที่เขียนบทละครให้เราเล่นฉันนั้น ส่วนบทละครแต่ละบทบาทที่เล่นก็คือ อกุศลมูล ๓ นั้นเอง - เมื่อความหลงเกิดขึ้นกับผู้ติดดี คือ กรรมฐาน หรือ อ่านแล้ววิเคราะห์ โยนิโสมนสิการตามแล้วพิจารณาโดยอนุมานคาดคะเนเอา พบเจอสภาวะใดๆบ้างทั้งจริงและไม่จริงจนหลงว่าตนถึงสภาวะนั้นๆนี้ๆแล้ว โดยขาดความยั้งคิด ทบทวนจนเห็นตามจริงว่า เราอยู่สภาวะอย่างไร อันนี้อุปาทานในธรรมมารมณ์ย่อมเกิดขึ้นแก่จิตทันที ผู้ไม่รู้จิตย่อมไม่ทันความหลงของธัมมารมณ์นี้ - เมื่อจะละก็ให้ละที่ใจ เจริญสัมมัปปธาน ๔ กล่าวโดยย่อคือ พึงละอกุศลที่ยังไม่เกิดหรือเกิดขึ้นแล้ว ทำกุศลให้เกิดขึ้น คงกุศลไว้ รักษากุศลไว้ไม่ให้เสื่อม เจริญอนุสสติ ๖ อยู่เนืองๆ พึงระลึกว่าเรายังปุถุชนอยู่ยังเห็นแค่ปุถุชน แล้วเราจักไปสาธยายในสิ่งที่พระอริยะเจ้ารู้ ด้วยความวิตกเห็นว่า เรามาถูกแล้ว ทางเราตรงแล้ว ทางเราดีแล้ว ทางเราดีสุด ของเราดีสุดได้ยังไร ธรรมชาติที่อุปาทานสภาวะธรรมไรๆ คือ สภาวะของปุถุขน ผู้รู้และเข้าถึงย่อมไม่กล่าววาจา กระทำทางกาย และ คิดอย่างปุถุชนเป็นแน่แท้ พึงเจริญปธาน๔ อนุสสติ๖ อันพระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าเป็นเครื่องขัดเกลาสงบกิเลสอันดีนี้ก็จะรู้ตนเองเมื่อผ่านวันเวลาไปว่า หลงหรือไม่ หรือตรงไหน ติดที่ใดเอง ส่วนวิธีเจริญปธาน๔ อนุสสติ๖ นั้นลองหาตามทางพระพุทธเจ้าตรัสสอนหรือตามวีถีกุศลของแต่ละคนดูเพราะทางเจริญกุศลของแต่ละคนนั้นต่างกัน แต่อาศัยการปหานด้วยจิตตานุสสติ หรือ จิตตานุปัสสนา เหมือนกัน อะไรที่หลง อะไรที่รู้ว่าหลง ใครหลง หลงอะไร ก็จะเกิดแจ้งขึ้นในตรงนี้ ด้วยประการฉะนี้ หัวข้อ: อารมณ์ที่หลงอยู่ เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ กันยายน 18, 2014, 01:00:16 PM ดูกร ! สารีบุตร ธรรมารมณ์ที่ควรเสพย์ และ ไม่ควรเสพย์ เป็นไฉน
-ธรรมมารมณ์ใดที่เสพย์แล้ว ทำให้กุศลเสื่อมลง แล้วอกุศลเกิดขึ้น ธรรมมารมณ์นั้นๆไม่ควรเสพย์ -ธรรมมารมณ์ใดที่เสพย์แล้ว ทำให้อกุศลเสื่อมลง แล้วกุศลเกิดขึ้น ธรรมมารมณ์นั้นๆควรเสพย์ หัวข้อ: อารมณ์ที่หลงอยู่ เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ กันยายน 18, 2014, 09:00:15 PM ดูกร ! สารีบุตร ธรรมารมณ์ที่ควรเสพย์ และ ไม่ควรเสพย์ เป็นไฉน -ธรรมมารมณ์ใดที่เสพย์แล้ว ทำให้กุศลเสื่อมลง แล้วอกุศลเกิดขึ้น ธรรมมารมณ์นั้นๆไม่ควรเสพย์ -ธรรมมารมณ์ใดที่เสพย์แล้ว ทำให้อกุศลเสื่อมลง แล้วกุศลเกิดขึ้น ธรรมมารมณ์นั้นๆควรเสพย์ ...............แยกไม่ออกเราคือหลง.................แยกออกเราไม่รู้อะไรเลย.........หลงกับไม่หลงต่างกันตรงไหน.......... |