หัวข้อ: อ่านแล้วปวดหัว เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ กรกฎาคม 05, 2012, 09:04:03 PM บทความธรรมมะในหัวข้อนี้ขอเรียนย้ำว่าเป็นบทความทีน่าติดตาม.....วันนี้กระผมเองมีเวลาว่างก็เปิดดูเวบธรรมมะต่างๆแต่ละค่าย....อ่านแล้วรูสึกปวดหัว และละเหี่ยใจ...ได้แค่นี้หรือชาวพุทธ....ช่างไม่สงสารครูบาอาจารย์ที่ท่านปฎิบัติดีปฎิบัติชอบเอาเสียเลย......พรุ่งนี้จะมาเขียนต่อครับท่านทั้งหลาย.....สัมมาทิฎฐิ.....
หัวข้อ: อ่านแล้วปวดหัว เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ กรกฎาคม 06, 2012, 09:20:46 PM ไม่ใช่ว่าเราไม่เคารพในความคิดเห็นของคนอื่นๆ หรือไม่ฟังและไม่คิดตามในข้อความของเขา แต่อ่านแล้วคิดแล้วมันปวดหัวจริงๆครับท่าน .ด้วยความเคารพในความที่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และยังนับถือศาสนาเดียวกัน จึงขออณุญาติวิจารณ์ในหมู่มนุษย์สมองฝ่อทั้งหลาย และบัญฑิตหมาหางด้วนทั้งหลาย เพราะเราคิดจนมากมายเกินไป แต่ขาดการกระทำที่ทำลงไปจริงๆ ด้วยหัวใจ มันจึงแตกแขนงในมุมมองของความคิดช่างมากมายเหลือเกิน กระผมขอถามหน่อย เคยนั้งสมาธิกันหรือเปล่า แล้วเคยคิดกันบ้างไหม ในขณะนั้งมันเกิดอะไรขึ้น ทุกค่ายทุกสำนักไม่ว่าจะเป็น พุทธโท สัมมาอะรัง ยุบหนอพองหนอ อนาปาณสติ หรืออะไรก็ตาม ในขณะที่กำหนด ใจของท่านอยู่ที่ไหน ความรู้สึกของท่านอยู่ที่ไหน แล้วความรู้สึกในขณะนั้นที่กำหนดมีอะไรแทรก ท่านเห็นความว่างหรือความไม่มีอะไรหรือเปล่าในขณะนั้น ท่านอย่าคิดและวิจารณ์นะ เพราะท่านแค่จะคิดท่านก็ผิดแล้ว ..กระผมจึงถามท่านทั้งหลายว่า แล้วในสิ่งที่เราคิดเราแสดงมันคืออะไร ถูกต้องแล้วหรือ ควรหาเวลาว่างนั้งนิ้งๆบ้าง เผื่อมันจะเกิดประโยชน์กับมุมมองบ้างในตัวเรา อุปทานที่เกิดจากความไม่รู้จะได้ผ่อนคลายลงบ้าง และยังจะเป็นประโยชน์ในการแสดงธรรม และแสดงความคิดเห็น ในบริบทของธรรมมะ ไม่เพี้ยนให้มันมากเกินไป กราบขออะภัยนะครับวันนี้มาแรง.....ไม่ต้องอะไรมากดอกในการรู้ธรรมมะ ถ้ารู้แล้วมันเริ่มปลงตกได้ ในความโลภโมโทสันต์ต่างๆ นั้นแหละคือธรรมมะ....ถ้ารู้แล้วไม่ตำหนิคนอื่นๆไม่โต้แย้งจนเกินเลย นี้ก็ธรรมมะ เชื่อเถอะครับความรู้ที่เรามาดมั้นนั้น มันมิได้มีจริงและเป็นจริงดั้งเราคิดและรู้เลยแม้แต่ข้อความเดียว มันเป็นแค่เพียงหลักเมตตาธรรมที่พระพุทธองค์ทรงอนุเคราะแก่ผู้ที่ไม่รู้ก็เท่านั้น ......เมื่อรู้ถึงที่สุดมันก็ไม่มีอะไรที่ต้องพูด และถ้าทำได้ตามที่รู้จนเปลี่ยนสันดานตัวเองได้แล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำ.....รู้ก็เป็นอีกอย่าง กระทำได้จนถึงที่สุดในความรู้ ก็เป็นอีกอย่าง.....แต่มนุษย์นั้นเป็นบัวสี่เหล่า แต่ละเหล่านั้น จะคิดและวิจารณ์ และแสดงออกก็ไม่เหมือนกัน อันนี้ก็ต้องทำใจครับ ....ปฎิจจสมุปบาท เป็นหลักวิชาการที่สมบูรณ์สูงสุดในพุทธศาสนา ผู้ใดคิดแล้วคิดอีกๆๆๆ...จนหนึ่งผุด ผู้นั้นจะไม่โต้แย้งใครเลย และจะไม่สงสัยในตัวเราชีวิตของเราเลย ..การกระทำจะค่อยๆเป็นไปตามลำดับ มันอัจศจรรย์จริงๆนะครับแค่คิดในหลักการของปฎิจสมุปบาท เราก็รู้ทะลุถึงสามโลกเลย นี้แค่ผลของความคิดนะครับ มันสิ้นสงสัยในกระบวนการของความคิดทันที ไม่รู้อะไรเลยก็ดีเหมือนกันนะครับปวดหัว.....แล้วจะมาใหม่.......สัมมาทิฎฐิ...... |