หัวข้อ: มองโลกในแง่ดี เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ พฤษภาคม 08, 2012, 09:40:03 PM มองเห็นโลกโดยธรรมนั้น สำหรับปัจจุบันนี้ทุกวันนี้มีน้อยมาก เพราะผู้คนตั้งมากมายใช้ชีวิตบนทางดิ้นรนตามสภาพแวดล้อมของสังคม ที่เปลี่ยนตามกาลเวลา วิวัฒนาการของโลกและสังคม ที่เราต้องพัฒนาตามของความทันสมัย เพื่อให้เทียบเท่า และมีของมีเกียติที่ตอบสนองความต้องการของตนเองด้วย และในครัวเรือนด้วย ตามสภาพของสังคมในปัจจุบันนี้ ผู้ที่สมปรารถนาก็สุขไป ผู้ที่ไม่สมปรารถนาก็ทุกข์ไป แต่แล้วใครเล่าในโลกนี้ที่จะสมปรารถนาทุกอย่าง คงไม่มีดอก คนรวยที่มีทรัพย์สมบัติอันมากมายก็อาจที่สมปรารถนาในทรัพย์ แต่ก็พร่องเรื่องอื่นๆ จึงเป็นทุกข์อยู่รำ่ไป ส่วนคนจนที่แสวงหาทรัพย์ทั้งหลาย จะสมปรารถนาสักหนึ่งคนนั้นก็ทั้งยาก จึงมีทุกข์มากกว่าคนรวย เมื่อเรามีทุกข์ มีความไม่สบายใจ ก็ต้องดิ้นรนหาทางออก ดั่งที่เราห็นอยู่มากมายในปัจจุบันนี้ มากมายหลายหนทางด้วยกัน จนกล่าวถึงไม่มีหมด บางบุคลก็แลเห็นโลกโดยปฐมกาลธรรม จึงดำริโดยธรรม...ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ แลแสวงหาทางออก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตามสภาพแวดล้อมที่เราเจอกัลญาณธรรมที่ชี้แนะ เมื่อศึกษาต่อก็เข้าใจในความหมายที่ว่า..มองเห็นโลกโดยธรรม..ช่างประเสริฐ์แท้หน่อเนื้อสมณะ ครับการที่บุคลจะมองเห็นโลกโดยธรรมนั้นมีน้อยอยู่แล้วตามธรรมชาติของโลก ยิ่งในสภาวะโลกแห่งปัจจุบันนี้แล้ว ยิ่งน้อยเข้าไปทุกขณะ ของขลัง หวยดัง มีอิทฤิทธิ์ คนแห่กันตรึม แต่พอบอกว่ามันไมมีอะไร มันเถียงอีก ไม่มีไดยังงัยก็เห็นอยู่ ในยุคแห่งความสำคัญมั่นหมายในปัจจุบันนี้ ผู้คนเต็มไปด้วยทิฎฐิมานะ จะเห็นได้ในความหลากหลายในการแข่งขัน ไม่ว่าทางโลก และทางธรรม รูปแบบต่างๆที่แข่งขันกันกระทำและแสดงออก ช่างมากมายเหลือเกิน ออกจากธรรมโดยธรรม[/b]จึงเป็นเรื่องยาก.....อัปปะกา เต มะนุสเสสุ เยชะนา ปาระคามิโน....ในหมู่มยุษย์ทั้งหลาย..ผู้ที่ถึงฝั่งแห่งพระนิพานมีน้อยนัก........อะถายัง อิตะรา ปะชา ตืระเมวานุธาวะติ....หมู่มนุษย์นอกนั้นย่อมวิ่งเลาะตามฝั่งในนี้เอง ...ธรรมมะออนไลน์ดอทคอม..รวมหลักธรรมแห่งความสงบ..จุดนัดพบของชาวพุทธ....สัมมาทิฎฐิ....
หัวข้อ: มองโลกในแง่ดี เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ พฤษภาคม 31, 2012, 09:15:49 PM การที่เราฝึกหัดมองโลกในแง่ดีนั้น จะทำให้เรานั้นเป็นผู้ที่คิดดีอยู่เสมอ และเป็นผู้ที่มีใจกว้างมุมมองที่กว้างและมีเมตตาธรรม เป็นธรรมของเทวดา ที่มีหิริโอตัปปะ อยู่ในตัวของมันเอง เป็นสิ่งที่โลกและสังคนในปัจจุบันนี้ต้องการมันอย่างมากทีเดียว ความเห็นแก่ตัวเป็นวิศัยทัศสน์ที่คับแคบ ทำให้สังคมและบุคลรอบข้างนั้นเดือดร้อน เมื่อเราเคยคิดดีทุกๆอย่างที่อยู่ใกล้เราจะลงเอยในทางที่ดี เป็นสัมมาสังกัปโปในมรรค8
เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่ เป็นประโยนช์ โลกบ้าง ยังหน้าดู ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย จะหาคน มีดี แต่ส่วนเดียว อย่ามัวเที่่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอย ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง หัวข้อ: มองโลกในแง่ดี เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ มิถุนายน 05, 2012, 09:19:26 PM ครับแค่หลักการที่ว่า มองโลกในแง่ดีนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากพอสมควรสำหรับคนอย่างเราที่ดำรงค์ตนเป็นบุคลสามัญชนทั่วไป รวมด้วยมนุษย์ทุกชั้นวรรณะในสังคมไทย ไม่เว้นแม้แต่ผู้ปฎิบัติธรรม และผู้ที่กำลังศึกษาในธรรม ถ้าผู้ที่ปฎิบัติธรรมอยู่ ใจไม่เที่ยงพอ ก็วอกแวกแล้วครับ แต่สำหรับบุคลที่ปลงตก ไม่เสียดายแม้แต่ชีวิต ไม่อาลัยอาวรณ์ในสิ่งทั้งปวง ด้วยหลักการของอนิจัง และอนัตตา ก็อาจเป็นบุคลที่สามารถทำใจดำรงค์คงที่ๆจะมองโลกและบุคลอื่นๆในแง่ดี ด้วยดีเสมอไป ......ทำไมละครับท่าน ที่เรานั้นไม่สามารถมองคนอื่นๆ หรือ สังคม หรือวิศัยทัศน์ที่ต่าง ที่มีอยู่ในโลกนี้ได้ด้วยความใจกว้าง ก็เพราะทิฎฐิที่เต็มไปด้วยอุปทานในขันธ์5 หรือ ตัวกูของกูตามที่หลวงพ่อพุทธทาสพูดเอาไว้ ปลงไม่ได้ ก็ทำใจไม่ได้ แม้เรียนจนจบด๊อกเตอร์ หรือปริญญาเอกเมืองนอกเมืองนา แต่สิ่งที่เรียนนั้น ก็ไม่สามารถช่วยให้เรามองโลกในแง่ดีได้เลย โดยเฉพาะคนในสังคมปัจจุบัน ถ้าสังคมในประเทศไทย แบ่งเป็น 100%ของประชากร คงมี10%เท่านั้นที่มีใจจริง และอีก10%เป็นไปโดยหน้าที่การงานบังคับกระมั๋ง ท่านสังเกตุมัยละในการดำรงค์ชีวิตของคนทุกวันนี้ ถ้าท่านลองสังเกตุกระผมคงคิดว่าเขียนไม่ผิด ระดับนักการเมืองหรือผู้นำองค์กรต่างๆที่เป็นผู้นำระดับชุมชนจนถึงระดับปรเทศก็ยังมองโลกได้แค่นี้ ประสาอะไรกับชาวบ้านที่ยังขาดการศึกษา ฉะนั้นการที่เราจะมองโลกในแง่ดีในมุมต่างๆ จะบริสุทธิ์ได้ ก็ต้องอาศัยธรรมมะที่ปลงตกได้ในความอยากทั้งหลายเสียก่อนไม่มากก็น้อย จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด แต่การที่เราเริ่มฝึกมองในแง่ดีต่างๆ ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะใดๆของโลกใบนี้ อันนี้มีคุณค่าต่อสังคมโลกอย่างมากมายทีเดียว โดยไม่ต้องรอให้ปลงตกหรอก โดยเฉพาะบุคลระดับผู้นำ ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง.....สัมมาทิฎฐิ.....
หัวข้อ: มองโลกในแง่ดี เริ่มหัวข้อโดย: ศรทอง ที่ มิถุนายน 07, 2012, 01:16:45 AM ยอดเยี่ยมมากเลยครับ กำลังอ่านเรื่อง มองแต่แง่ดีของเขาเถิด
คนเก่งคนฉลาด เขาจะรู้จักการเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หัวข้อ: มองโลกในแง่ดี เริ่มหัวข้อโดย: คุณเอ๋ ที่ มิถุนายน 08, 2012, 12:29:57 PM ขอบคุณสำหรับบทความดีๆคะ.....คะ..การที่เรามองโลกในแง่ดีมันก็ดี......คนเราบางคนยังเห็นประโยชน์ของตัวเองอย่างเดียวไม่สนใจคนอื่นเลยน่ากลัวจริงๆน้ำใจก็หายาก....
ต่อไปลูกหลานเราจะเป็นอย่างไรละนี้ :-[.. หัวข้อ: มองโลกในแง่ดี เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ มิถุนายน 08, 2012, 10:51:05 PM ครับ น้ำใจนั้นเหมือนน้ำฝน ที่ยังให้พื้นแผ่นดินมีความชุ่มชื้นฉันใด น้ำใจก็ทำให้สังคมนั้นๆมีความร่มเย็นและอยู่เย็นเป็นสุข ได้ฉันนั้น คนที่มีธรรมของเทวดาอยู่ในใจ ก็เปรียบเสมือนคนมีน้ำใจ และมีมุมมองที่ดี เพราะความละอายต่อบาปและความเกรงกลัวต่อบาปแม้ในที่ลับหรือในที่แจ้ง ความสำเหนี๊ยกในใจของมนุษย์เหล่านี้เท่านั้น จะช่วยให้สังคมร่มเย็นขึ้น บ้านเมืองก็ไม่เร้าร้อน ความละอายต่อบาปและความเกรงกลัวต่อบาป และยังมีความที่เราสามารถปลงได้บ้างในชีวิต จะทำให้มุมมองของเราดีโดยปริยาย....เดินตามรอยพ่อเป็นอยู่อย่างพอเพียง
พ่อของข้ามี3คน พ่อคนที่ 1 คือพ่อผู้ให้ชีวิต พ่อคนที่ 2 เล่า คือพ่อผู้ให้แผ่นดินเป็นที่อยู่อาศัย พ่อคนที่ 3 คือพ่อผู้ให้ดวงตา .... ส่วนแม้ข้ามีเพียงหนึ่งเดียว ............................ปีนี้เป็นปีที่ 2555 โลกได้วิวัฒนาการมาไกลเหลือเกิน ผู้ที่เดินตามโลก และพัฒนาตามโลกก็ไม่รู้เท่าทันโลก การดิ้นรนของผู้คนจึงมากมายเหลือเกิน รักษาตัวเราและครอบครัวเราให้ดีในมุมมองของคำพระ แล้วรัศมีใกล้เคียงจะค่อยๆดีตาม เมื่อเรามีความมั่นคงในธรรมที่เป็นไปในทิศทางของการปลงได้บ้างไม่ว่ารูปธรรมนามธรรม การที่เราฝึกมองในแง่มุมที่ดีก็จะมั่นคง และจะค่อยเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องเอาชนะใครเลย สุขแค่เลือกมองที่ดีก็มีแก่เรา.......สัมมาทิฎฐิ..... หัวข้อ: มองโลกในแง่ดี เริ่มหัวข้อโดย: rapdevil ที่ มิถุนายน 12, 2012, 07:24:50 AM ;) ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ครับ
หัวข้อ: มองโลกในแง่ดี เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ มิถุนายน 12, 2012, 09:35:45 PM ครับวันนี้ขอเรียนย่ำว่า การที่เรานั้นจะมองอะไรๆที่ดีได้ มันต้องเกิดจากใจที่เป็นมุมมอง ที่เข้าใจต่อธรรมมะอันลึกซึ่ง ต่อการปลงตกในชีวิตและในบทความของชีวิต ที่เต็มไปด้วยความทยานยาก ที่มากด้วยตัณหาและความเย่อหยิ่งที่หลงตนเองด้วยทิฎฐิมานะต่างๆ ปลงตกได้อย่างแท้จริง ต่อความเข้าใจในการใคร่ครวญในอนิจจัง และอนัตตาอย่างลึกซึ่ง ที่คิดแล้วคิดอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนมันพาใจเราสังเวท สลด ปลงในความแตกดับของความไม่แน่นอน จนไมมีตัวตนที่ยั่งยืนให้เราคิดว่าเป้นตัวเราหรือเป็นตัวใครที่แท้จริง สักแต่ว่าเป็นมายาของธรรมชาติที่เกิดแล้วแตกสลายไปตามธรรมชาติของมัน ไม่ใช่สัตว์ บุคล ตัวตนเราเขา เป็นเพียงแค่สักแต่ว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น.....
ความรู้สึกที่เห็นในสิ่งเหล่านี้จนเกิดเป็นความเบื่อหน่ายคลายความยากทั้งหลาย ไม่ว่าทรัพย์หรือเกรียติหรือว่าชีวิตที่ดำรงค์อยู่ ปลงได้ไม่ต้อง 100%หรอกครับ เดี๋ยวมันจะสมบูรณ์เกินไป แค่มุมมองแค่นี้มันก็มากแล้ว ไม่ว่าเราจะมีชีววิตธำรงค์อยู่ในแบบใดๆ โกนหัวโล้นนุ่งห่มผ้าเหลืองก็ตามเถิด หัวดำผ้าดำ หรือหัวดำผ้าลาย หรือจะแบบใหนๆ คนที่ปลงได้แล้วโดยธรรมที่แท้จริง จะมองโลกและคนรอบข้าง และความเห็นที่แตกต่างทั้งหลาย ด้วยมุมมองที่ดีเสมอไปตลอด ตราบที่เขาดำรงค์มั่นในมุมมอง แห่งอนัตตาธรรมด้วยสติและความมั่นคงในใจ......สัมมาทิฎฐิ..... หัวข้อ: มองโลกในแง่ดี เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ มิถุนายน 18, 2012, 09:46:39 PM มองโลกในแง่ดี....เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก....หากปราศจากหลักธรรมมะ...ของคำว่าปลงได้ด้วยใจจริงที่แท้จริง...บางคนก็ดัดจริต...บางคนก็เสแสร้ง....แต่บางคน บางท่านก็ใจดีมีเมตา มองคนอื่นๆด้วยความการุณาจากใจของท่านเอง อันนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากเช่นกันครับ.........วันนี้อ่านบทความประชาสัมพันธ์ของท่าน
: พิชญ์นันท์....ในเนื้อความของท่าน ที่เชิญชวนชาวพุทธ...ก็เป็นสิทธ์ของท่านในการแสดงออกของพุทธสาวก ทุกท่านมีสิทธ์ที่จะแสดงออก....แต่กระผมไม่เห็นด้วยในวิธี...ที่จริงนั้นชาวพุทธเราควรจะเร่งทำความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนให้มากๆ ว่าวัตถุประสงค์ของคำสอนที่แท้จริงคืออะไร หรือทำการวิตกวิจารณ์ในสัมมาทิฎฐิให้แตกฉาน เพื่อปรับระดับความเห็นของเราให้ถูกต้องตามมุมองของศาสนาพุทธของเราอย่างแท้จริง จะได้ช่วยกันเผยแพร่คำสอนอันถูกต้อง ไม่ใช่นำเอาอะไรมาสอนกันก็ไม่รู้ แล้วยังจะได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้เขาได้คลายทุกข์ลงได้บ้าง ตามหลักการความเป็นจริงของศาสนา ส่วนความเห็นต่าง หรือการกระทำที่แตกต่าง ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร มันก็เป็นเวรกรรมของเขาเอง เป็นบาปแก่ตัวของเขาเอง.......ตราบใดที่มนุษย์ยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกกลมๆใบนี้...ไม่มีใครที่จะสามารถทำลายพระพุทธศาสนาของเราได้ ท่านทั้งหลายจงสบายใจเถอะ เพระศาสนาต่างๆนั้นก็คือตัวมนุษย์นั้นเอง ความสมดุลย์ของโลกก็คือธรรมชาติ ความผิดแปลกของโลกก็คือความคิดของมนุษย์.......มองโลกในแง่ดีวันนี้มาแปลกขออภัยครับ.......สัมมาทิฎฐิ...... หัวข้อ: มองโลกในแง่ดี เริ่มหัวข้อโดย: ประวิต ที่ มีนาคม 24, 2013, 09:33:42 PM มองโลกในแง่ดี....เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก....หากปราศจากความเข้าใจในหลักธรรมที่แท้จริงของพระพุทธศาสนาจริงๆ....หลักธรรมที่แท้จริงนั้น.....ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการปลงตก..นี่เป็นคำพูดที่ง่ายและตรงที่สุด.......เข้าใจในชีวิตว่า..กระบวนการของชีวิตนั้นคืออะไรที่แท้จริง....มันเป็นตัวกูของๆกูจริงอย่างงั้นจริงหรือเปล่า.....หรือเป็นธรรมชาติของโลกกลมๆใบนี้...ที่สรรสร้างให้เราหลงไป....หรือพระเจ้าเป็นผู้สร้างชีวิตมา....เกิดมาแล้ว...ก็ต้องแก่..ต้องเจ็บ...และตายไป...ร่างกายแตกสลาย..กลับกลายเป็นความทรงจำ....นายดี...เหลือแต่ชื่อ...ถ้าทุกคนลืม..นายดีก็ไม่เหลืออะไรอีกเลย.แม้แต่ชื่อ.......คงเหลือแต่นายเลวที่ยังไม่ตายยังเหลือชีวิตอยู่สังขารอยู่ในโลกนี้..เดินผ่านหน้าบ้านเราอยู่เป็นประจำ...เราเรายังมองเห็นด้วยลูกกระตาอยู่เลย................ถ้าปลงไม่ตก...จะหัดมองโลกในแง่ดีจริงๆนั้นคงลำบาก...เพราะจิตสำนึกของมนุษย์ที่เรียนรู้มาตั้งแต่แรกเกิดนั้น..คือตัวกู..ของกู...การมองโลกในแง่ดีอย่างเป็นธรรมและบริสุทธิ์นั้นคงยากครับท่าน.............................แม้จะมองอย่างชาวโลก...ก็ยังดีกว่าเราไม่หัดมองเลย.....เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่ เป็นประโยนช์ โลกบ้าง ยังหน้าดู ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย จะหาคน มีดี แต่ส่วนเดียว อย่ามัวเที่่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอย ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง |