หัวข้อ: เหตุกับเจตสิก เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหน้าวัด ที่ มีนาคม 10, 2012, 11:18:09 AM เหตุกับเจตสิก -------------------------------------------------------------------------------- เหตุกับเจตสิก เจตสิกมี 52 ดวง แบ่งได้เป็น ๓ ราสี คือ ๑. อัญญสมานาเจตสิก ๑๓ แบ่งเป็น ๒ นัยคือ สัพพจิตตสาธารณเจตสิก๗ คือ ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา เอกัคคตา ชีวิตินทรีย์ มนสิการ ปกิณณกเจตสิก๖ คือ วิตก วิจาร อธิโมกข์ วิริยะ ปิติ ฉันทะ ๒. อกุศลเจตสิก ๑๔ แบ่งเป็น ๕นัย คือ โมจตุกเจตสิก ๔ คือ โมหะ อหิริกะ อโนตตัปปะ อุทธัจจะ โลติกเจตสิก ๓ คือ โลภะ ทิฏฐิ มานะ โทจตุกเจตสิก ๔ คือ โทสะ อิสสา มัจฉริยะ กุกกุจจะ ถีทุกเจตสิก ๒ คือ ถีนะ มิทธะ วิจิกิจฉาเจตสิก ๑ คือ วิจิกิจฉา ๓. โสภณเจตสิก ๒๕ แบ่งเป็น ๔ นัย คือ โสภณสาธารณเจตสิก ๑๙ วิรตีเจตสิก ๓ อัปปมัญญาเจตสิก ๒ ปัญญิณทรีย์เจตสิก ๑ เหตุมี ๖ เหตุ คือ โลภเหตุ ๑ โทสเหตุ๑ โมหเหตุ ๑ ซึ่งเป็นเหตุในอกุศลจิต อโลภเหตุ ๑ อโทสเหตุ๑ อโมหเหตุ ๑ ซึ่งเป็นเหตุในกุศลจิต และอัพพยกตจิต เมื่อพิจารณาเจตสิกกับเหตุเข้าด้วยกันแล้วได้ดังนี้ คือ สัพพจิตตสาธารณเจตสิก๗ เข้าประกอบกับจิตได้ทุกดวงทั้งอกุศลจิต กุศลจิต และอัพพยกตจิต ดังนั้น สัพพจิตตสาธารณเจตสิก๗ จึงมีเหตุทั้งหมดได้ ๖เหตุ คือ โลภเหตุ ๑ โทสเหตุ๑ โมหเหตุ ๑ อโลภเหตุ ๑ อโทสเหตุ๑ อโมหเหตุ ๑ ปกิณณกเจตสิก ๕ (เว้นปิติ) เข้าประกอบกับจิตได้ในอกุศลจิต กุศลจิต และอัพพยากตจิต ตามสมควร ดังนั้น ปกิณณกเจตสิก ๕ (เว้นปิติ) จึงมีเหตุทั้งหมดได้ ๖เหตุ คือ โลภเหตุ ๑ โมหเหตุ ๑ โทสเหตุ๑ อโลภเหตุ ๑ อโทสเหตุ๑ อโมหเหตุ ๑ เช่นเดียวกัน ส่วน ปิติเจตสิก นั้นเข้าไม่ได้ในโทสมูลจิต ๒ และ โมหมูลจิต ๒ ซึ่งเป็นจิตที่มี โทสเหตุและโมหเหตุ แต่เข้าได้ในโลภที่เป็นโสมนัส และโสภณที่เป็นโสมนัส ส่วน อเหตุกจิตที่เป็นโสมนัสนั้นไม่คิดเพราะเป็นจิตที่ไม่มีเหตุ ดังนั้น ปิติเจตสิก จึงมีเหตุทั้งหมดได้ ๕ เหตุ คือ โลภเหตุ ๑ โมหเหตุ ๑ อโลภเหตุ ๑ อโทสเหตุ๑ อโมหเหตุ ๑ (ไม่มีโทสเหตุ) โมจตุกเจตสิก ๔ เข้าประกอบได้ในจิตที่เป็นอกุศลจิตทุกดวง ดังนั้นเหตุที่เป็นไปได้ที่จะเข้าร่วมกับโมจตุกเจตสิก ๔ นั้นมี ๓ เหตุ คือ โลภเหตุ ๑ โทสเหตุ๑ โมหเหตุ ๑ แต่เราต้องพิจารณาทีละตัวอีกครั้งหนึ่ง คือ โมหเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุ ดังนั้น โมหเจตสิกจึงมีเหตุเข้าร่วมได้แค่ ๒ เหตุ คือ โลภเหตุ ๑ โทสเหตุ๑ (ไม่นับตัวเขาเอง) ส่วนอหิริกะ อโนตตัปปะ อุทธัจจะ นั้นเป็นธรรมที่เป็นเหตุไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในเหตุ ๖ แต่เป็นธรรมที่มีเหตุ ดังนั้น อหิริกะ อโนตตัปปะ อุทธัจจะจึงมีเหตุได้ ๓ คือ โลภเหตุ ๑ โทสเหตุ๑ โมหเหตุ ๑ โลติกเจตสิก ๓ เป็นเจตสิกที่เข้าประกอบได้ในโลภมูลจิต ๘ ตามสมควร ซึ่งเหตุที่เป็นไปได้ที่จะเข้าร่วมกับโลติกเจตสิก ๓ นั้นมี ๒ เหตุ คือ โลภเหตุ ๑ โมหเหตุ ๑ เช่นเดียวกันเราต้องพิจารณาที่ละตัวอีกครั้งหนึ่ง คือ โลภเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุ และทุกครั้งที่มีโลภก็ต้องมีโมหะเกิดร่วมด้วย ดังนั้น โลภเจตสิกจึงมีเหตุเข้าร่วมได้แค่ ๑ เหตุเท่านั้นก็คือ โมหเหตุ ๑ ส่วนทิฏฐิ มานเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในเหตุ ๖ แต่เป็นธรรมที่มีเหตุ ซึ่ง ทิฏฐิ มานเจตสิก นั้นจะเกิดได้ในโลภมูลจิตซึ่งเป็นจิตที่มี ๒ เหตุ ดังนั้น ทิฏฐิ มานเจตสิก จึงมีเหตุได้ ๒ คือ โลภเหตุ ๑ โมหเหตุ ๑ โทจตุกเจตสิก ๔ เป็นเจตสิกที่เข้าประกอบได้ในโทสมูลจิต ๒ ซึ่งเหตุที่เป็นไปได้ที่จะเข้าร่วมกับโทจตุกเจตสิก ๔ นั้นมี ๒ เหตุ คือ โทสเหตุ ๑ โมหเหตุ ๑ เช่นเดียวกันเราต้องพิจารณาที่ละตัวอีกครั้งหนึ่ง คือ โทสเจตสิก เป็นธรรมที่เป็นเหตุ และทุกครั้งที่มีโทสะก็ต้องมีโมหะเกิดร่วมด้วย ดังนั้น โทสเจตสิกจึงมีเหตุเข้าร่วมได้แค่ ๑ เหตุเท่านั้นก็คือ โมหเหตุ ๑ ส่วนอิสสา มัจฉริยะ กุกกุจจะ เป็นธรรมที่เป็นเหตุไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในเหตุ ๖ แต่เป็นธรรมที่มีเหตุ ซึ่ง อิสสา มัจฉริยะ กุกกุจจะ นั้นจะเกิดได้ในโทสมูลจิตซึ่งเป็นจิตที่มี ๒ เหตุ ดังนั้น อิสสา มัจฉริยะ กุกกุจจะ จึงมีเหตุได้ ๒ คือ โทสเหตุ ๑ โมหเหตุ ๑ ถีทุกเจตสิก ๒ จะเกิดได้ในอกุศลที่เป็นสสังขาริกคือในโลภสสังขาริก ๔ และโทสสสังขาริก ๔ และ ถีนะ มิทธะ เป็นธรรมที่เป็นเหตุไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในเหตุ ๖ แต่เป็นธรรมที่มีเหตุ ดังนั้นเหตุที่จะเข้าได้กับ ถีนะ มิทธะ นี้ คือ โลภเหตุ ๑ โทสเหตุ๑ โมหเหตุ ๑ เพราะทุกครั้งที่มีโลภะ หรือ โทสะ ก็ต้องมีโมหะด้วย ดังนั้นจึงรวมเป็น ๓ เหตุ วิจิกิจฉาเจตสิก เข้าประกอบได้ในโมหมูลจิต ๑ ดวงเท่านั้น คือ วิจิกิจฉา ซึ่งวิจิกิจฉาเจตสิกเป็นธรรมที่เป็นเหตุไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในเหตุ ๖ แต่เป็นธรรมที่มีเหตุ คือ โมหเหตุ ดังนั้นวิจิกิจฉาจึงมีเหตุเข้าร่วมเพียง ๑ เหตุเท่านั้น คือ โมหเหตุ โสภณเจตสิก ๒๕ ถ้าคิดรวมกันทั้ง ๒๕ ดวงก็จะได้ว่า โสภณเจตสิก ๒๕ นี้เข้าประกอบได้กับโสภณจิตเท่านั้น ดังนั้น เหตุที่เป็นไปได้ที่จะเกิดกับโสภณเจตสิก ๒๕ คือ กุศลเหตุ ซึ่งมี ๓ เหตุ คือ อโลภเหตุ ๑ อโทสเหตุ๑ อโมหเหตุ ๑ และในโสภณเจตสิก ๒๕มีธรรมที่เป็นเหตุได้ ๓ ดวง อโลภเจตสิก อโทสเจตสิก ปัญญาเจตสิก (อโมหเจตสิก) ดังนั้นในเจตสิกทั้ง ๓ ดวงนี้จึงมีเหตุเข้าร่วมได้แค่ ๒ เหตุเท่านั้น (ไม่นับตัวเขาเอง) คือ อโลภเจตสิก มีเหตุเข้าร่วมได้ ๒ เหตุ คือ อโทสเหตุ อโมหเหตุ อโทสเจตสิก มีเหตุเข้าร่วมได้ ๒ เหตุ คือ อโลภเหตุ อโมหเหตุ อโมหเจตสิก มีเหตุเข้าร่วมได้ ๒ เหตุ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ ส่วนโสภณเจตสิก ๒๒ ที่เหลือนั้นไม่ใช่ธรรมที่เป็นเหตุ แต่เป็นธรรมที่มีเหตุ คือกุศลเหตุ ดังนั้นโสภณเจตสิก ๒๒ ที่เหลือจึงมีเหตุเข้าร่วมได้ ๓ เหตุ คือ อโลภเหตุ ๑ อโทสเหตุ๑ อโมหเหตุ ๑ เล็กเห็นพี่ๆคิดว่าหัวข้อที่ว่า เหตุที่เกิดร่วมกับเจตสิกนั้นเข้าใจยาก เล็กเลยเขียนจากความเข้าใจที่ได้จากการอ่านหนังสือและฟังเทปพระอาจารย์บุญมี และได้เรียนมาจากอาจารย์สง่า เพื่อแลกเปลี่ยนความเข้าใจซึ่งกันและกัน มาให้พี่ๆลองทำความเข้าใจดู แต่ไม่ทราบว่าจะไปเพิ่มความงงให้พี่ๆหรือเปล่าเพราะเขียนเสียยืดยาวเลย แต่เล็กคิดว่าคงจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ ด้วยความปรารถนาดีค่ะ เล็กแม่น้องพงศ์ค่ะ |