หัวข้อ: สุบิณวิถี เริ่มหัวข้อโดย: ไหลเย็น ที่ พฤศจิกายน 20, 2014, 11:11:41 PM ความฝัน เป็นสิทธิส่วนตัว ทุกคนมีสิทธิ์จะฝัน แต่เมื่อตื่นขึ้นก็พบว่า มันเป็นแค่ฝันๆ อันที่จริง ความฝันเป็นของ มนุษย์ และ อบายภูมิ ๓ (เว้นพวกที่อยู่ในนรกใช้กรรมจนไม่มีเวลาได้นอน) ส่วน เทวดา และ พรหม ท่านไม่หลับ คือ เทวดาก็สนุกตลอดเวลา พรหมก็ทรงอยู่ในฌาน ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ความฝัน เป็นสิทธิของ มนุษย์ภูมิเท่านั้น ก็เป็นไปได้ทีเดียว **************** ว่าโดยมนุษย์แล้ว มี ๗ ประเภท คือ ปุถุชนที่มีปัญญา ปุถุชนที่ไม่มีปัญญา มนุษย์ที่พิการแต่กำเนิด และ อริยบุคคล ๔ รวมเป็น ๗ แต่มีมนุษย์ ๖ ประเภทเท่านั้นที่ฝัน ส่วนพระอรหันต์ไม่ฝัน ************* พระพุทธองค์ทรงกล่าวถึง สาเหตุแห่งความฝันไว้ ๔ ประการ คือ ๑. กรรมนิมิต [บุพพนิมิต ] กรรมดีหรือชั่วในอดีต จะมาให้ผล ๒. จิตอาวรณ์ [อนุภูติบุพพะ] จิตไปผูกพันอยู่กับสิ่งใดมากๆ ก็อาจฝันถึงสิ่งนั้นได้ ๓. เทพสังหรณ์ [เทวโตปสังหรณ์] เทวดานำข่าวมาบอก อาจเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายก็ได้ ๔. ธาตุกำเริบ [ธาตุโขก] ร่างกายไม่ปกติ อาจทำให้ฝันไปได้แปลกๆ ************* (สุปินสูตร) พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๔๓๓ - ๔๓๕ อรรถกถา พึงทราบวินิจฉัยในสุปินสูตรที่ ๖ ดังต่อไปนี้:- บทว่า มหาสุปินา ความว่า ชื่อว่า มหาสุบิน เพราะบุรุษผู้ใหญ่ พึงฝัน และเพราะความเป็นนิมิตแห่งประโยชน์อันใหญ่. บทว่า ปาตุรเหสุ แปลว่า ได้ปรากฏแล้ว. ในบทนั้น ผู้ฝันย่อมฝันด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ เพราะธาตุกำเริบ ๑ เพราะเคยเป็นมาก่อน ๑ เพราะเทวดาดลใจ ๑ เพราะบุรพนิมิต ๑ ในฝันเหล่านั้น คนธาตุกำเริบ เพราะ(น้ำ)ดีเป็นต้น เป็นเหตุทำให้กำเริบย่อมฝัน เพราะ ธาตุกำเริบ และเมื่อฝัน ย่อมฝันหลายอย่าง เช่น ฝันว่าตกจากภูเขา ว่าไปทางอากาศ ว่าถูกเนื้อร้าย ช้างและโจรเป็นต้นไล่ตาม. เมื่อฝันโดยเคยเป็นมาก่อน ย่อมฝันถึงอารมณ์เป็นมาแล้วในกาลก่อน. สำหรับผู้ฝันโดยเทวดาดลใจ ทวยเทพย่อมบรรดาลอารมณ์หลายอย่าง เพราะประสงค์ดีก็มี เพราะประสงค์ร้ายก็มี ผู้นั้นย่อมฝันเห็นอารมณ์เหล่านั้น ด้วยอานุภาพของทวยเทพ เหล่านั้น. เมื่อฝันโดยบุรพนิมิต (ลางบอกล่วงหน้า) ย่อมฝัน อันเป็นบุรพนิมิต ของประโยชน์หรือของความพินาศที่ประสงค์จะเกิดด้วยอำนาจบุญและบาป ดุจพระชนนีของพระโพธิสัตว์ ได้นิมิตในการได้พระโอรส ดุจพระเจ้าโกศล ทรงฝันเห็นสุบิน ๑๖ และดุจพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้แล ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ ทรงฝันเห็นมหาสุบิน ๕ ประการนี้. ในฝันเหล่านั้น ฝันเพราะธาตุกำเริบ และเพราะเคยเป็นมาก่อน ไม่จริง. ฝันเพราะเทวดาดลใจ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เพราะว่า เทวดาทั้งหลาย โกรธขึ้นมา ประสงค์จะให้ถึงความพินาศด้วยอุบาย จึงแสร้งทำให้ผิดปกติ. แต่ฝันเพราะบุรพนิมิต เป็นจริงโดยส่วนเดียวแท้. แม้เพราะความเกี่ยวข้องของมูลเหตุ ๔ อย่างเหล่านี้ต่างกัน ฝันจึงต่างกันไป ฝันแม้ทั้ง ๔ นั้นพระเสกขะและปุถุชน ย่อมฝัน เพราะยังละวิปัลลาสไม่ได้ พระอเสกขะไม่ฝัน เพราะละวิปัลลาสได้แล้ว. ก็สุบินนี้นั้น แม้ว่า โดยเวลาฝันในเวลากลางวัน ย่อมไม่จริง ใน ปฐมยาม มัชฌิมยาม และปัจฉิมยาม ก็เหมือนกัน. แต่ตอนใกล้รุ่ง เมื่อ อาหารที่กิน ดื่ม และเคี้ยวย่อยดีแล้ว โอชะอยู่ตามที่ในร่างกาย พออรุณขึ้น ความฝันย่อมจริง เมื่อฝันอันมีอิฏฐารมณ์เป็นนิมิต ย่อมได้อิฏฐารมณ์ เมื่อ ฝันมีอนิฏฐารมณ์เป็นนิมิต ย่อมได้อนิฏฐารมณ์. ************ ความฝันที่ชื่อว่า มหาสุบิน ๕ เป็นความฝันพิเศษเฉพาะคือ โลกิยมหาชนไม่ฝัน มหาราชาทั้งหลายไม่ฝัน พระเจ้าจักรพรรดิทั้งหลายไม่ฝัน อัครสาวกทั้งหลายไม่ฝัน พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ฝัน พระสัมมาสัม- พุทธเจ้าทั้งหลายก็ไม่ฝัน พระสัพพัญญูโพธิสัตว์พระองค์เดียวเท่านั้นย่อมฝัน. ****************** คืนก่อนจะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระสุบินนิมิต ๕ ประการ เรียกว่า “ปัญจมหาสุบินนิมิต” มีความว่า ๑. ทรงบรรทมหงายอยู่เหนือพื้นแผ่นดินนี้ ใช้พื้นพสุธาเป็นพระแท่นบรรทม (เตียงนอน) เอาเทือกเขาหิมาลัยเป็นพระเขนย (หมอนหนุน) พระหัตถ์ซ้ายพาดไปทางมหาสมุทรด้านตะวันออก พระหัตถ์ขวาพาดไปทางมหาสมุทรด้านตะวันตก พระบาททั้งสองพาดยาวไปทางมหาสมุทรด้านใต้ ๒. มีต้นหญ้าแพรกเกิดขึ้นที่พระนาภี (สะดือ) สูงใหญ่ทะลุเมฆ ๓. มีหนอนสีขาวจำนวนมากไต่ตามพระบาทจนท่วมพระชานุ (เข่า) ๔. มีฝูงนก ๔ จำพวก มีสีต่างๆ กัน คือ สีเหลือง เขียง แดง ดำ บินมาจากทิศทั้ง ๔ มาเกาะที่พระบาท น้อมคำนับแล้วกลายเป็นสีขาวหมด ๕. ทรงดำเนินจงกรมบนยอดภูเขาอันเต็มไปด้วยกองอุจจาระ แต่พระบาททั้งสองไม่ได้แปดเปื้อนด้วยกองคูถเลย พระสุบินนิมิตทั้ง ๕ ประการนี้ เป็นนิมิตให้รู้ว่า พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแน่แท้ และคำสอนของพระองค์จะโด่งดังทะลุฟ้า คนทุกชาติชั้นวรรณะจะหันมานับถือพระพุทธศาสนา ผู้ใดปฎิบัติธรรม ผู้นั้นจะมีจิตใจขาวสะอาดเหมือนกันหมด จะมีคนมากมายเคารพนับถือและมอบลาภสักการะให้ แต่ก็มิอาจทำให้พระองค์หลงใหลมัวเมาในลาภสักการะ (http://www.dhammajak.net/board/files/103_132.jpg) (http://www.dhammajak.net/board/files/17_492.jpg) (http://www.dhammajak.net/board/files/_26_204.jpg) |