หัวข้อ: สวดมนต์อยู่ดีๆก็ร้องไห้. เริ่มหัวข้อโดย: Koi ที่ มิถุนายน 10, 2012, 02:24:14 AM อยากสอบถามคะ
คือว่าตอนนี้ใจเราเป็นทุกข์นิดหน่อยเรื่องเพื่อนนะคะ. ก็ไม่ถึงกับจะต้องร้องไห้นะคะ. แต่อยากให้ใจสงบก็เลยคิดว่าสวดมนต์แล้วอุทิศให้เพื่อนคนนั้นน่าจะดี. ก็เลยสวดคะ. สวดทำวัตรเย็นจบก็ไม่มีอะไรเป็นปกติดี แต่พอเริ่มสวดบท"ไหว้บารมี30ทัส". ที่ขึ้นว่าทานะปาระมีสัมปันโนฯ สวดไปสักพักก็เริ่มน้ำตาไหลออกมาเองก็พยายามข่มสวดต่อแต่ก็เริ่มร้องมากขึ้นแบบสะอึ้น ก็พยายามข่มสวดต่อแบบไม่มีเสียง. สักพักก็ไอและอ้วกในที่สุด. เราก็เลยหยุดสักพักและกลับมาสวดต่อ ก็สวดต่อได้อีกสักพักก็อาการเดิมอีก. ก็ทำแบบเดิมคะข่มพยายามสวดต่อไปเรื่อยๆจนจบกรวดน้ำและแผ่เมตตาคะ เราค่อนข้างแปลกใจคะว่าใจเราเป็นทุกข์ขนาดนั้นเลยหรือถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น. มีใครเคยเป็นแบบเราบ้างไหมคะ แล้วการที่เราพยายามสวดต่อไปทั้งๆที่ร้องไห้จะเป็นอะไรไหมคะ เหมือนพยายามสวดมนต์ทั้งๆที่ใจไม่สงบ. ขอบคุณคะ หัวข้อ: สวดมนต์อยู่ดีๆก็ร้องไห้. เริ่มหัวข้อโดย: เกียรติคุณ ที่ มิถุนายน 10, 2012, 07:37:14 PM ตรงนี้โดยส่วนตัวผมไม่รู้นะครับว่าทางแก้จริงๆครูบาอาจารย์ท่านสอนอย่างไร แต่ในส่วนของผมที่ผ่านมามีดังนี้ครับ
1. หากเป็นในส่วนของความทุกข์ : ผมมีความทุกข์ใจอย่างหาประมาณมิได้ เดินก็ร้องไห้ นั่งก้ร้องไห้ ไปไหนมาไหนก็ร้องไห้ ทุกข์หาที่สุดไม่ได้ ไม่เป็นอันทำอะไร เจออะไรก็ทุกข์ เจออะไรจิตก็ปรุงแต่งประกอบกับ สัญญา รัก โลภ โกรธ หลง ส่งต่อสร้างเรื่องราว ระลึกถึงความทรงจำ ก็ทุกข์ไปใหญ่(นี่เรียกว่าจิตส่งออกนอก) - ผมได้แต่นั่งสมาธิและอธิษฐานจิตตั้งตรงต่อพระพุทธเจ้าผู้มีคุณประเสริฐเป็นเอนกอนันต์อย่างหาประมาณมิได้ที่ทรงละทิ้งทุกสิ่งเพื่อตรัสรู้ธรรมและเผยแพร่พระธรรมให้คนได้พ้นทุกข์ - ระลึกขอคุณแห่งพระพุทธเจ้าให้ผมได้พบธรรมอันเป็นจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ให้ผมเข้าใจในธรรมนั้น แล้วเข้าถึงธรรมนั้นเพื่อความดับไปซึ่งทุกข์ของผม - ระลึกขอคุณพระสงฆ์อริยะเจ้าที่เผยแพร่พระธรรมสืบต่อมาแม้พระพุทธเจ้าปรินิพพานนานแล้วเพื่อให้เราได้เรียนรู้ธรรมและความเป็นจริงเพื่อเป็นทางออกแห่งทุกข์ - ระลึกถึง คุณพ่อ คุณแม่ ที่เลี้ยงดูเรามาด้วยความรักเมตตาและทานให้เราเติบโตจนถึงทุกวันนี้และได้เจอพระธรรมในพระพุทธศาสนา - ระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ที่เผยแพร่ธรรมะและชี้ทางพ้นทุกข์ให้เรา - ผมก็นั่งสมาธิไปร้องไห้ไป เริ่มแรกก็นึกถึงเรื่องราวที่เจ็บปวด สับสน วุ่นวายไปหมด ต่อมาเมื่อมีสมาธิมากขึ้นก็เริ่มที่จะเปรียบสิ่งที่ตนพบเห็นอยู่กับสัจธรรมตามพุทาธวจนะ เมื่อผ่านไปซักพักจะมองเห็นว่าติดข้องใจใดๆกับความปรุงแต่งนั้นๆมันก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆแก่เรา ติดข้องใจไปก็มีแต่ทุกข์ เพราะเราไม่สามารถที่จะหยุดความไม่สมปารถนาได้ ไม่สามารถหยุดความพรัดพรากได้ ไม่สามารถหยุดที่จะไม่ให้ตนได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่รักไม่พอใจได้ ยิ่งทะยานอยากต้องการ ยิ่งทะยานใคร่ได้ ยิ่งทะยานอยากจะผลักหนีให้ไกลตนก็ยิ่งเป็นทุกข์ เพระทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป ไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน มันเป็นทุกข์ ไม่นานผมก็ละทิ้งจิตนั้นเข้าสู่อารมณ์สมถะ เมื่อจิตอยู่เหนืออารมณ์สมถะก็ได้เห็นพระพุทธเจ้าตรัสสอน อริยะสัจ๔ เห็นเหตุ เห็นปัจจัย เห็นผลคือทุกข์ เห็นทางพ้น เห็นนิโรธในสภาพความคิด แล้วผมก็ไม่ร้องไห้อีก แม้นั่งสมาธิ จะไปไหนมาไหน จะพบเจออะไรซักกี่ครั้งก็ตาม 2. หากเป็นในส่วนที่เกิดจากปิติจากการเริ่มเข้าสู่สมาธิ : ความปิตินี้มีหลายอาการ หากเมื่อจิตจดจ่อใหม่ๆยังไม่ละเอียดอ่อนเข้าถึง อุปจาระสมาธิ อัปนาสมาธิ ความปิติที่มีอาการโคลงเคลง มีเหมือนตัวลอยได้ มีน้ำตาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการคันบ้างเป็นต้น (สิ่งนี้พระครูธัมมะวังโส และ พระครูอาโลโก ท่านเคยกล่าวไว้ใน มัชฌิมากัมมัฏฐาน) เมื่อจิตมีสมาธิที่สูงขึ้นละเอียดขึ้นความปิติข้างต้นก็จะหายใจ มีสภาพจิตเป็น ยินดี ปิติ อิ่มเอมใจอยู่ในสภาพจิตที่เป็นกุศล ที่นี้คุณต้องลองดูครับว่าคุณอยู่ในสภาพจิตแบบไหน แล้วลองปฏิบัติดูอาจจะดีขึ้น ไม่งั้นผมแนะนำให้ถามกับครูบาอาจารที่เวบนี้ครับ http://www.madchima.org/forum/index.php?board=3.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?board=3.0) หัวข้อ: สวดมนต์อยู่ดีๆก็ร้องไห้. เริ่มหัวข้อโดย: Koi ที่ มิถุนายน 10, 2012, 08:28:17 PM ขอบคุณมากคะคุณเกียรติคุณ เรารู้ว่าเราไม่ได้ทุกข์ในทุกขณะ. ก็เลยแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะคะ. แต่อย่างไรก็ดีจะพยายามสวดมนต์ทำสมาธิให้บ่อยขึ้นให้ใจสงบนะคะ^^ |