หัวข้อ: เมตตาภาวะ เริ่มหัวข้อโดย: ๑ บาท ที่ กันยายน 13, 2012, 09:13:54 PM เมตตาภาวสูตร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดให้ทานประมาณ 100 หม้อใหญ่ในเวลาเช้า ผู้ใดพึงให้ทานประมาณ 100 หม้อใหญ่ในเวลาเที่ยง ผู้ใดพึงให้ทานประมาณ 100 หม้อใหญ่ ในเวลาเย็น ผู้ใดพึงเจริญเมตตาจิตในเวลาเช้า โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค หรือผู้ใดพึงเจริญเมตตาจิตในเวลาเย็น โดยที่สุดแม้เพียงชั่วการหยดน้ำนมแห่งแม่โค การเจริญเมตตาจิตนี้มีผลมากกว่าทานที่บุคคลให้แล้ว 3 ครั้ง ในวันหนึ่งนั้น. (https://lh5.googleusercontent.com/-DAsEKb0VOJU/TuGQeIYPoOI/AAAAAAAAAHw/1VnENabtMVo/s132/palmart005.gif) แม้ให้ทาน ร้อยหม้อใหญ่ ในยามเช้า อีกร้อยเท่า เที่ยง-เย็น จนเป็นนิตย์ ยังผลด้อย น้อยกว่า..แผ่ เมตตาจิต เพียงสักนิด แม้หยดหนึ่ง ซึ่งนมโค (https://lh4.googleusercontent.com/-iX8mLueuSLU/TuGNeQxBR9I/AAAAAAAAAFw/AwBskbBc3rY/s452/bhuddhapoj03.gif) เมตตาเจโตวิมุตติ พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงสั่งสอนให้เจริญเมตตา แผ่จิตออกไปด้วยเมตตา คือความมีไมตรีจิต รักสนิทด้วยไมตรีจิต มุ่งดีปรารถนาสุข ทั้งไม่เจือด้วยสิเน่หา ความเยื่อใยผูกพัน การแผ่จิตด้วยเมตตานี้ก็ด้วยอาศัยการคิดแผ่ไปก่อน ว่าถึงเป็นอัปปมัญญา คือไม่มีประมาณ ก็คิดแผ่ไปในสรรพสัตว์ทุกถ้วนหน้า ให้มีความสุขทุกถ้วนหน้า ในทิศเบื้องหน้า ในทิศเบื้องขวา ในทิศเบื้องหลัง ในทิศเบื้องซ้าย ในทิศเบื้องบน ในทิศเบื้องล่าง ในทิศขวางโดยรอบ ให้จิตผ่องพ้นจากพยาบาท ความมุ่งร้าย ตลอดจนพ้นจากราคะสิเน่หา ในบุคคล ในสัตว์ทั้งหลายที่แผ่จิตไปนั้น เมื่อจิตปรากฏเป็นเมตตาจิตขึ้นมา หากจะมีพยาบาทหรือราคะสิเน่หาใด ๆ มาก่อน กิเลสเหล่านี้ก็จะหลุดไปจากจิต จึงเป็นเจโตวิมุตติ ความพ้นแห่งใจข้อหนึ่งเรียกว่าเมตตาเจโตวิมุตติ เมื่อเป็นชื่อของธรรมข้อนี้ ก็แปลว่า ธรรมที่ทำให้ได้ความพ้นแห่งใจคือเมตตา (https://lh3.googleusercontent.com/-eazshyRlnWE/TuGTBfz4u3I/AAAAAAAAAIk/GDiXYfeTFEc/s472/line-a6.gif) เมตตานี้ตรัสแสดงว่า มีความงามเป็นอย่างยิ่ง คือจะรู้สึกว่างามด้วยความสุขอันบริสุทธิ์ไปทั่วทุกทิศ ทั่วทุกบุคคลสัตว์ทั้งหลาย ไม่ปรากฏความรู้สึกน่าเกลียดน่าชังใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีความรู้สึกที่เป็นพยาบาท หรือที่เป็นราคะสิเน่หาอันน่าเกลียดน่าชัง ไม่มีรูปพรรณสัณฐานของบุคคลและสัตว์ใด ๆ ที่น่าเกลียดน่าชัง แม้ผู้ที่เคยเกลียดจิ้งจก ตุ๊กแก แต่ว่าเมื่อได้เจโตวิมุตติข้อนี้ ย่อมจะรู้สึกว่า จิ้งจกตุ๊กแกก็งามไปหมด ไม่น่าเกลียด ไม่น่าชังอะไร จึงได้ตรัสว่า มีความงามเป็นอย่างยิ่ง คือน่ารักน่าใคร่ไปหมด แต่ว่า เป็นความรักใคร่ที่บริสุทธิ์ไม่เจือด้วยราคะสิเน่หา คัดลอกจาก... ธรรมกถาในการอบรมกรรมฐาน-หน้า ๖๑-๖๒ พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชเจ้า สกลมหาสังฆปริณายก |