หัวข้อ: สติกับโยนิโสมนสิการ เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหน้าวัด ที่ สิงหาคม 27, 2010, 11:22:10 AM สติกับโยนิโสมนสิการ สติ...จะมีหน้าที่ควบคุมดูแลและรู้เท่าทันจิต เพื่อไม่ให้จิตแล่น เตลิดไปตามใจชอบหรือชัง หรือตามกิเลสตัณหาที่เป็นอาสวะ อนุสัย คือความเคยตัวเคยใจที่เป็นกิเลสสั่งสมมาจนเป็นนิสัย และสันดาน สติ...เปรียบเหมือนบิดามารดาที่คอยควบคุมดูแลและรู้เท่าทัน บุตรของตน ที่อยากจะกระทำอะไรไปตามใจตัวเอง เช่น คอยแอบ หนีเที่ยวหรือออกนอกลู่นอกทาง แล้วไม่ชอบเล่าเรียนเขียนอ่าน เมื่อมีบิดามารดาคอยดูแลและรู้เท่าทันตลอดเวลา บุตรก็จะหนี เที่ยวหรือออกนอกลู่นอกทางไม่ค่อยได้ โยนิโสมนสิการ....จะมีหน้าที่คอยอบรมสั่งสอนจิตให้รู้เห็นตาม ความเป็นจริงของรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ... เปรียบเหมือนบิดามารดาที่คอยอบรมสั่งสอนบุตรของตนให้รู้ว่า อะไรดี อะไรชั่ว อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ อะไรทำแล้วจะมี ประโยชน์ อะไรทำแล้วจะมีโทษ อะไรทำแล้วจะพ้นจากโทษทุกข์ บุตรที่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยมาดีตั้งแต่เด็กๆ ก็จะเป็นผู้มีปัญญา รู้สึกผิดชอบชั่วดีด้วยตัวของเขาเอง และถ้ามีโยสิโสมนสิการ หรือ มีบิดามารดามาคอยอบรมบ่มนิสัยอยู่ตลอดเวลา สติ...ซึ่งเปรียบ เหมือนบิดามารดาที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลหรือรู้เท่าทันบุตร ก็ไม่ต้อง เหน็ดเหนื่อยกับการที่ต้องคอยควบคุมดูแลหรือรู้เท่าทันกันอยู่ตลอด เวลา... ดังนั้น เมื่อมีทั้งสติและโยนิโสมนสิการอยู่ตลอดเวลา ก็เปรียบเหมือน มีบิดามารดาที่คอยควบคุมดูแลรู้เท่าทันบุตรของตนไม่ให้ออกนอกลู่ นอกทาง พร้อมกับอบรมสั่งสอนไปด้วยตลอดเวลา บุตรก็จะเป็นคนดี และมีปัญญา กรณีเป็นเช่นเดียวกัน เมื่อมีทั้งสติและโยนิโสมนสิการ อยู่ตลอดเวลา จิตก็จะไม่ออกนอกลู่นอกทางไปตามกิเลสตัณหาหรือ ตามใจอยาก และในที่สุดจิตก็จะเป็นผู้มีปัญญา รู้แจ้งตามความเป็นจริงด้วยตัวของ เขาเองว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เป็นเพียงสิ่งใดสิ่ง หนึ่งตามธรรมชาติที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา แล้วสิ่งเหล่านั้นย่อมมี ความดับไปเป็นธรรมดา ไม่ใข่เป็นเรา หรือเป็นตัวเรา หรือเป็นของเรา หรือมิใช่เราเป็นสิ่งนั้น พร้อมกับปล่อยวางการหลงยึดถือเสียสิ้น ซึ่งเมื่อ ไม่หลงยึดถือก็ไม่ทุกข์ หรือพ้นจากทุกข์นั่นเอง...ฯ ~ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์~ |