หัวข้อ: ติกะ คือ หมวด ๓ เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหน้าวัด ที่ กันยายน 28, 2010, 05:22:46 PM นักธรรมตรี - นวโกวาท - หน้าที่ 29
ติกะ คือ หมวด ๓ รตนะ ๓ อย่าง พระพุทธ ๑ พระธรรม ๑ พระสงฆ์ ๑. ๑. ท่านผู้สอนให้ประชุมชนประพฤติชอบด้วย กาย วาจา ใจ ตามพระธรรมวินัย ที่ท่านเรียกว่าพระพุทธศาสนา ชื่อพระพุทธเจ้า. ๒. พระธรรมวินัยที่เป็นคำสั่งสอนของท่าน ชื่อพระธรรม. ๓. หมู่ชนที่ฟังคำสั่งสอนของท่านแล้ว ปฏิบัติชอบตามพระ ธรรมวินัย ชื่อพระสงฆ์. ขุ. ขุ. ๒๕/๑. คุณของรตนะ ๓ อย่าง พระพุทธเจ้ารู้ดีรูชอบด้วยพระองค์เองก่อนแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้ตาม ด้วย. พระธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว. พระสงฆ์ปฏิบัติชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว สอนผู้อื่น ให้กระทำตามด้วย. อาการที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน ๓ อย่าง ๑. ทรงสั่งสอน เพื่อจะให้ผู้ฟังรู้ยิ่งเห็นจริงในธรรมที่ควรรู้ควร เห็น. ๒. ทรงสั่งสอนมีเหตุที่ผู้ฟังอาจตรองตามให้เห็นจริงได้. นักธรรมตรี - นวโกวาท - หน้าที่ 30 ๓. ทรงสั่งสอนเป็นอัศจรรย์ คือผู้ปฏิบัติตามย่อมได้ประโยชน์ โดยสมควรแก่ความปฏิบัติ. นัย. องฺ. ติก. ๒๐/๓๕๖. โอวาทของพระพุทธเจ้า ๓ อย่าง ๑. เว้นจากทุจริต คือประพฤติชั่วด้วย กาย วาจา ใจ. ๒. ประกอบสุจริต คือประพฤติชอบด้วย กาย วาจา ใจ. ๓. ทำใจของตนให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองใจ มีโลภ โกรธ หลง เป็นต้น. ที. มหา. ๑๐/๕๗. ทุจริต ๓ อย่าง ๑. ประพฤติชั่วด้วยกาย เรียกกายทุจริต. ๒. ประพฤติชั่วด้วยวาจา เรียกวจีทุจริต. ๓. ประพฤติชั่วด้วยใจ เรียกมโนทุจริต. กายทุจริต ๓ อย่าง ฆ่าสัตว์ ๑ ลักฉ้อ ๑ ประพฤติผิดในกาม ๑. วจีทุจริต ๔ อย่าง พูดเท็จ ๑ พูดส่อเสียด ๑ พูดคำหยาบ ๑ พูดเพ้อเจ้อ ๑. มโนทุจริต ๓ อย่าง โลภอยากได้ของเขา ๑ พยาบาทปองร้ายเขา ๑ เห็นผิดจาก คลองธรรม ๑. นักธรรมตรี - นวโกวาท - หน้าที่ 31 ทุจริต ๓ อย่างนี้ เป็นกิจไม่ควรทำ ควรจะละเสีย. องฺ. ทสก. ๒๔/๓๐๓. สุจริต ๓ อย่าง ๑. ประพฤติชอบด้วยกาย เรียกกายสุจริต. ๒. ประพฤติชอบด้วยวาจา เรียกวจีสุจริต. ๓. ประพฤติชอบด้วยใจ เรียกมโนสุจริต. กายสุจริต ๓ อย่าง เว้นจากฆ่าสัตว์ ๑ เว้นจากลักทรัพย์ ๑ เว้นจากประพฤติผิด ในกาม ๑. วจีสุจริต ๔ อย่าง เว้นจากพูดเท็จ ๑ เว้นจากพูดส่อเสียด ๑ เว้นจากพูดคำหยาบ ๑ เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ ๑. มโนสุจริต ๓ อย่าง ไม่โลภอยากได้ของเขา ๑ ไม่พยาบาทปองร้ายเขา ๑ เห็นชอบ ตามคลองธรรม ๑. สุจริต ๓ อย่างนี้ เป็นกิจควรทำ ควรประพฤติ. องฺ. ทสก. ๒๔/๓๐๓. อกุศลมูล ๓ อย่าง รากเง่าของอกุศล เรียกอกุศลมูล มี ๓ อย่าง คือ โลภะ อยากได้ ๑ โทสะ คิดประทุษร้ายเขา ๑ โมหะ หลงไม่รู้จริง ๑. นักธรรมตรี - นวโกวาท - หน้าที่ 32 เมื่ออกุศลมูลเหล่านี้ ๑ ก็ดี มีอยู่แล้ว อกุศลอื่นที่ยังไม่เกิด ก็ ๒ ๓ เกิดขึ้น ที่เกิดแล้วก็เจริญมากขึ้น เหตุนั้นควรละเสีย. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๙๑. ขุ. อิติ. ๒๕/๒๖๔. กุศลมูล ๓ อย่าง รกเง่าของกุศล เรียกกุศลมูล มี ๓ อย่าง คือ อโลภะ ไม่อยากได้ ๑ อโทสะ ไม่คิดประทุษร้ายเขา ๑ อโมหะ ไม่หลง ๑ ถ้ากุศลมูลเหล่านี้ ๑ ก็ดี มีอยู่แล้ว กุศลอื่นที่ยังไม่เกิด ก็ ๒ ๓ เกิดขึ้น ที่เกิดแล้วก็เจริญมากขึ้น เหตุนั้นควรให้เกิดมีในสันดาน. ที. ปาฏิ. ๑๑/๒๙๒. สัปปุริสบัญญัติ คือข้อที่ท่านสัตบุรุษตั้งไว้ ๓ อย่าง ๑. ทาน สละสิ่งของของตนเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น. ๒. ปัพพัชชา คือบวช เป็นอุบายเว้นจากเบียดเบียนกันและกัน. ๓. มาตาปิตุอุปัฏฐาน ปฏิบัติมารดาบิดาของตนให้เป็นสุข. องฺ. ติก. ๒๐/๑๙๑. อปัณณกปฏิปทา คือปฏิบัติไม่ผิด ๓ อย่าง ๑. อินทรียสังวร สำรวมอินทรีย์ ๖ คือ หา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้ยินดียินร้ายในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจ. นักธรรมตรี - นวโกวาท - หน้าที่ 33 ๒. โภชเน มัตตัญญุตา รู้จักประมาณในการกินอาหารแต่พอ สมควร ไม่มากไม่น้อย. ๓. ชาคริยานุโยค ประกอบความเพียรเพื่อจะชำระใจให้หมดจด ไม่เห็นแก่นอนมากนัก. องฺ. ติก. ๒๐/๑๔๒. บุญกิริยาวัตถุ ๓ อย่าง สิ่งเป็นที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญบุญ เรียกบุญกิริยาวัตถุ โดยย่อมี ๓ อย่าง ๑. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน. ๒. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล. ๓. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา. ขุ. อิติ. ๒๕/๒๗๐. องฺ. อฏฺ€ก. ๒๓/๑๔๕. สามัญญลักษณะ ๓ อย่าง ลักษณะที่เสมอกันแก่สังขารทั้งปวง เรียกสามัญญลักษณะ ไตรลักษณะก็เรียก แจกเป็น ๓ อย่าง ๑. อนิจจตา ความเป็นของไม่เที่ยง. ๒. ทุกขตา ความเป็นทุกข์. ๓. อนัตตตา ความเป็นของไม่ใช่ตน. สํ. สฬ. ๑๘/๑. หัวข้อ: ติกะ คือ หมวด ๓ เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ มกราคม 21, 2021, 04:50:29 PM อ่านเเล้วได้ความรู้ที่ดีมากเลยครับ |