หัวข้อ: ยมกปกรณ์ เริ่มหัวข้อโดย: ๑ บาท ที่ พฤษภาคม 28, 2017, 10:06:32 PM ยมก หรือยมกปกรณ์ เป็นหนึ่งในคัมภีร์ของพระอภิธรรมปิฎก คำว่า ยมก แปลว่า "คู่"
โดยการนำธรรมมาคู่หนึ่งๆ ตั้งเป็นคำถาม(ปุจฉา) แล้วตอบ(วิสัชนา) ทั้ง อนุโลม(ถามหน้าไปหลัง) และ ปฏิโลม(ถามกลับหลังมาหน้า) ในคัมภีร์ยมกมีทั้งสิ้น 10 หลักธรรม อันได้แก่ มูล ขันธ์ อายตนะ ธาตุ สัจจะ สังขาร อนุสัย จิตตยมก ธรรมยมก อินทรียยมก ---------------- ในจิตตยมก ข้อ ๔๘ ปุจฉา... ยสฺส จิตฺตํ นิรุชฺฌติ ตสฺส จิตฺตํ นิรุชฺฌิตฺถาติ: วิสัชนา... อามนฺตา ฯ คำแปล.. ถาม...จิตของบุคคลใดกำลังดับ จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้วใช่ไหม ตอบ...ใช่ ------------- ในจิตตยมก ข้อ ๔๙ ปุจฉา... ยสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ ตสฺส จิตฺตํ นิรุชฺฌิตฺถาติ: วิสัชนา...อามนฺตา ฯ คำแปล... ถาม... จิตของบุคคลใดกำลังเกิดขึ้น จิตของบุคคลนั้นเคยดับแล้วใช่ไหม ตอบ... ใช่ ------------- จากในพระไตรปิฏกปกรณ์นี้ พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า จิตของบุคคลใดก็ตามต่างเคยดับมาแล้วทั้งสิ้น เป็นการยืนยันว่า จิตมีการเกิดดับตลอดเวลา มิได้เป็นอมตะถาวรดังที่บางคนเข้าใจ ----------- ใน อัสสุตวาสูตร ความว่า ภิกษุทั้งหลาย . ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ พึงยึดถือกายซึ่งเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ โดยความเป็นอัตตายังประเสริฐกว่า ส่วนการยึดถือจิตโดยความเป็นอัตตาไม่ประเสริฐเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะกายซึ่งเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ เมื่อดำรงอยู่ ๑ ปีบ้าง ๒ ปีบ้าง ๓ ปีบ้าง ๔ ปีบ้าง ๕ ปีบ้าง ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง ๓๐ ปีบ้าง ๔๐ ปีบ้าง ๕๐ ปีบ้าง ๑๐๐ ปีบ้าง หรือเกินกว่าบ้าง ก็ยังปรากฏ ส่วนสิ่งที่ ตถาคตเรียกว่า ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ จิตเป็นต้นนั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไปตลอดทั้งคืนและวัน เปรียบเหมือนลิงเมื่อเที่ยวไปในป่าเล็กและป่าใหญ่จับกิ่งไม้ ปล่อยกิ่งไม้นั้นแล้ว ย่อมจับกิ่งอื่น ปล่อยกิ่งนั้นแล้วย่อมจับกิ่งอื่นต่อไป ฉะนั้น ตถาคตจึงเรียกสิ่งนี้ว่า ‘จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง’ จิตเป็นต้นนั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไปตลอดทั้งคืนและวัน หัวข้อ: ยมกปกรณ์ เริ่มหัวข้อโดย: เกียรติคุณ ที่ มิถุนายน 28, 2017, 05:47:43 AM สาธุ |