หัวข้อ: ปัญญาของตน เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหน้าวัด ที่ กันยายน 10, 2010, 10:00:32 PM ปัญญาของตน การเรียน การท่อง การจำ เป็นเพียงระดับหนึ่งของความสำคัญในการศึกษาพระพุทธศาสนา ปัญญายังไม่เกิดจากการเรียนและจำได้ท่องได้ สอนเขาต่อไปได้เท่านั้น อันความรู้ที่ได้จากการเรียนการท่องจำ รวมทั้งการพูดได้สอนได้เช่นนั้น ยังไม่ใช่ปัญญาของผู้เรียนรู้ท่องจำได้นั้น ยังเป็นเพียงการยกปัญญาของท่านผู้อื่นมาพูดมาสอนเท่านั้น แน่ๆ คือเป็นพระปัญญาของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และอาจเป็นปัญญาของพระอริยบุคคลที่ได้ยินได้ฟังมาจากท่าน และจดจำไว้แสดงต่อเท่านั้น จะเป็นปัญญาของเราแต่ละคนก็ต้องหมายความว่า เราเรียนรู้จากการฟังการอ่านข้อเขียนของท่านผู้นั้นผู้นี้ จนเข้าถึงใจแม้พอสมควร นั่นจึงจะเป็นปัญญาของเราผู้เรียนรู้และปฏิบัติ จนเกิดความเข้าใจหรือความรู้ด้วยตนเอง เมื่อใดเป็นปัญญาของเรา เมื่อนั้นเราจึงจะได้ประโยชน์จากการเรียนธัมมะ จะพูดถึงส่วนที่เป็นปัญญาคือความรู้ของเราได้อย่างไม่ผิด ขอฝากให้เข้าใจเรื่องความรู้และปัญญาไว้ให้ดี ทำความเข้าใจให้ชัดเจนตั้งแต่บัดนี้ จะได้ไม่รู้ธัมมะเพียงการท่องจำ ซึ่งเป็นประโยชน์น้อย เหมือนทำตัวเป็นหนังสือที่มีข้อเขียนสำหรับให้มีผู้เปิดอ่าน ให้ผู้อื่นฟังบ้างให้ตัวเองรู้เรื่องบ้างเท่านั้น เป็นประโยชน์สำหรับผู้ทำตัวเป็นเพียงหนังสือเท่านั้น จงทำปัญญาให้เกิดจะดีกว่า ปัญญานั้นเกิดแต่การเรียนรู้แล้วคิดทำความเข้าใจให้เป็นปัญญาของตน ไม่เป็นปัญญาของท่านผู้รู้จริงทั้งหลายเท่านั้นท่องจำให้เป็นหนังสือนั้นอาจเป็นประโยชน์แก่ผู้มาอ่าน แต่เป็นประโยชน์แก่ตนเองน้อยมากและอาจเป็นโทษด้วยซ้ำไป แม้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจว่า ตนเป็นผู้รู้ธัมมะที่สำคัญที่มีรู้น้อยคน แล้วความทะนงใจ ยกตนข่มท่าน ข่มใครต่อใคร ก็จะตามมา ไม่มีคุณแก่ตนเอง ทั้งยังมีโทษอย่างมาก เรื่องนี้จึงสำคัญมาก ขอจงพยายามทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ถูกต้อง เตือนตนเองไว้ให้สม่ำเสมอว่า ปัญญาเกิดแต่ต้องเรียนเป็นอันดับแรก แล้วจึงนำที่เรียนไว้นั้นไปคิดไตร่ตรองให้เกิดความเข้าใจชัดเจน ที่เรียกว่าเกิดเป็นปัญญานั่นเอง อย่างไรก็ตามขอให้พยายามคิดพูดทำอย่างมีสติ ทุกขณะจิตคิดพูดทำแต่ที่ดีงาม และจำไว้ให้มั่นด้วย ว่าสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทางภาษิตไว้ว่าดังนี้ “ความรู้เกิดแก่คนพาล ก็เพียงเพื่อความฉิบหาย มันทำสมองของเขาให้เขว ย่อมฆ่าส่วนที่ขาวของคนพวกนั้นเสีย” พูดง่ายๆ ก็คืออย่าเป็นคนพาล เพราะมีความรู้แล้วจะได้ไม่เป็นโทษร้ายแรง ขอบคุณบทความจาก ลานธรรมจักร |