หัวข้อ: หลักการพิจารณาว่ากรรมชนิดนั้นควรทำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมไปได้ ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2013, 03:03:56 AM เมื่อจะกระทำ
ราหุล ! เธอใคร่จะทำกรรมใดด้วยกาย พึง พิจารณากรรมนั้นเสียก่อนว่า “กายกรรมที่เราใคร่จะ กระทำนี้ เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง เบียดเบียน ผู้อื่นบ้าง เบียดเบียนทั้งสองฝ่ายบ้าง เป็นกายกรรมที่ เป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบาก หรือไม่หนอ” ดังนี้. ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยู่ดังนั้นไซร้, เธอ ไม่พึงกระทำกายกรรมชนิดนั้นโดยถ่ายเดียว. ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยู่ดังนี้ว่า “กายกรรมที่เราใคร่จะกระทำนี้ ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียน ตนเองบ้าง ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง ไม่เป็นไป เพื่อเบียดเบียนทั้งสองฝ่ายบ้าง เป็นกายกรรมอันเป็น กุศล มีสุขเป็นกำไร มีสุขเป็นวิบาก” ดังนี้, ราหุล ! เธอพึงกระทำกายกรรมชนิดนั้น. เมื่อกระทำอยู่ ราหุล ! เมื่อเธอกระทำกรรมใด ด้วยกายอยู่ พึงพิจารณากรรมนั้นว่า “กายกรรมที่เรากำลังกระทำอยู่นี้ เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง เบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เบียดเบียนทั้งสองฝ่ายบ้าง เป็นกายกรรมที่เป็นอกุศล มี ทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบาก หรือไม่หนอ” ดังนี้. ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยู่ดังนั้นไซร, เธอพึงเลิกละกายกรรมชนิดนั้นเสีย. ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยู่ดังนี้ว่า “กายกรรมที่เรากำลังกระทำอยู่นี้ ไม่เป็นไปเพื่อ เบียดเบียนตนเองบ้าง ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนทั้งสองฝ่ายบ้าง เป็นกายกรรม อันเป็นกุศล มีสุขเป็นกำไร มีสุขเป็นวิบาก” ดังนี้. ราหุล ! เธอพึงเร่งการกระทำกายกรรมชนิดนั้น. เมื่อกระทำแล้ว ราหุล ! เมื่อกระทำกรรมใดด้วยกายแล้ว พึงพิจารณากรรมนั้นว่า “กายกรรมที่เรากระทำแล้วนี้ เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง เบียดเบียนผู้อื่น บ้างเบียดเบียนทั้งสองฝ่ายบ้าง เป็นกายกรรมที่เป็น อกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบาก หรือไม่หนอ” ดังนี้. ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยู่ดังนั้นไซร้, เธอ พึงแสดง พึงเปิดเผย พึงกระทำให้เป็นของหงาย ซึ่งกายกรรมนั้น ในพระศาสดา หรือในเพื่อนสพรหมจารี ผู้เป็นวิญญูชนทั้งหลาย, ครั้นแสดง ครั้นเปิดเผย ครั้น กระทำให้เป็นของหงายแล้ว พึงถึงซึ่งความระวังสังวรต่อไป. ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยู่ดังนี้ว่า “กายกรรมที่เรากระทำแล้วนี้ ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียน ตนเองบ้าง ไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง ไม่เป็นไป เพื่อเบียดเบียนทั้งสองฝ่ายบ้าง เป็นกายกรรมอันเป็นกุศล มีสุขเป็นกำไร มีสุขเป็นวิบาก” ดังนี้. ราหุล ! เธอพึงอยู่ด้วยปีติและปราโมทย์ ตามศึกษาในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ ทั้งกลางวัน และกลางคืนเถิด. (ในส่วนของ วจีกรรมและมโนกรรม ก็ทรงตรัสในทำนองเดียวกัน) ม.ม. ๑๓/๑๒๖/๑๒๙. ที่มา พุทธวจน http://dhampaidai.blogspot.com/2013/02/blog-post.html (http://dhampaidai.blogspot.com/2013/02/blog-post.html) หัวข้อ: หลักการพิจารณาว่ากรรมชนิดนั้นควรทำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: navara254 ที่ พฤษภาคม 17, 2013, 12:13:12 PM สาธุ..สาธุ |