หัวข้อ: ขอปรึกษา เริ่มหัวข้อโดย: ฟรี ที่ กรกฎาคม 16, 2019, 09:05:20 PM เราเป็นคนที่เครียดง่าย ชอบเก็บเรื่องในอดีตมาคิด บางทีรู้สึกผิดจนร้องไห้ เศร้าเป็นหลายเดือน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเป็นคนที่มีความคิดที่ชอบผลุดขึ้นมาตั้งแต่ตอนเด็กๆแล้ว ชอบด่าหรือเห็นภาพน่ากลัวทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจแล้วจะรู้สึกผิดมาก ตอนนี้โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อยากทำความดี อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้นแต่พอคิดแบบนี้ทีไรความผิดในอดีตที่เคยทำก็ผลุดขึ้นมาจนรู้สึกท้อแท้มาก เราเคยด่าพ่อต่อหน้าแต่ถึงจะขอโทษไปแล้วก็ยังรู้สึกผิดในใจ และอีกเรื่องที่เครียดมากคือตอนวัยรุ่นชอบช่วยตัวเอง ขออนุญาตเล่านะครับเพราะรู้สึกผิดและไม่รู้จะระบายที่ไหน ตอนที่ช่วย…มักจะมีความคิดหรือภาพไม่ดีขึ้นมาเสมอ เช่น ภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้าง พ่อแม่บ้าง ญาติพี่น้องบ้าง จนโมโห พอมันผลุดขึ้นมาเราก็ปฏิเสธแบบไม่เอาๆอย่าขึ้นมา จนบางทีรู้สึกผิดครับแบบไม่ได้ตั้งใจคิดแต่ดันคิด พอมีสติผมก็เริ่มปฏิเสธแบบไม่เอา จนตอนนี้เรื่อวมันผ่านมานานแล้ว เป็นผู้ใหญ่และตั้งใจจะปรับปรุงตัวเองให้ดีแต่เรื่องนี้ก็ผลุดขึ้นมา มันทำให้รู้สึกผิดละอายใจ ร้องไห้ ซึมเศร้าหลายวัน บางทีอยากตายก็มี ผมรู้ว่าผมไม่ได้คิดแต่ก็กลัวบาป ใจลึกๆมันไม่เคยคิดเลยแต่ก็มีอีกความคิดมันก็จะคิดตลอดว่าไม่ได้คิดจริงหรอ แล้วก็พยายามนึกเหตุการณ์นั้น แล้วถ้าเผลอคิดหละ เผลอมีอารมณ์ร่วมกับมันด้วยจะทำอย่างไร แล้วคนที่คิดคือตัวเราจริงๆหรือเปล่า คือผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้วพยายามจะอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด แต่ไม่มีสมาธิทำอะไรเลย หน้าพ่อแม่ ญาติก็ไม่กล้ามอง ทำตัวห่างเหิน อยู่คนเดียว ความดีผมยังไม่กล้าทำเลยตอนนี้ ชีวิตหมกมุ่นมาก แล้วอีกไม่นานต้องไปอยู่ต่างจังหวัดคนเดียวกลัวคิดสั้นทำร้ายตัวเองเพราะเคยคิดจะทำ ควรหาทางออกอย่างไรดี ทรมานจิตใจเหลือเกินเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำมาหลายปีแล้วมันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อก่อนก็พอทนได้แต่ตอนนี้เหมือนผมยิ่งเก็บเรื่องเก่ามาคิดยิ่งจิตตก
หัวข้อ: ขอปรึกษา เริ่มหัวข้อโดย: เกียรติคุณ ที่ ธันวาคม 08, 2019, 12:37:17 AM ต้องแบ่งเป็น 2 อย่างนะครับทำควบคู่กันไป
1. ทางโลก ให้ไปหาหมอกินยาแผนปัจจุบันรักษาโรคเครียด กินยาคลายเครียด ซึ่งทางการแพทย์ยาคลายเครียดนี้จะทำงานกับสมองส่วนกลางให้ฟุ้งซ่านน้อยลง หลับง่ายสบายอารมณ์ 2. ทางธรรม ทำปัจจุบันให้แจ้ง 2.1 รู้ปัจจุบัน มั่นอยู่ในปัจจุบันไม่สืบต่อเกินกว่าที่รู้ที่เห็น ที่ได้ยินได้ฟัง ที่รู้ที่ได้กลิ่น ที่รู้ที่ได้รส ที่รู้ที่สัมผัสกาย 2.2 คิดก็รู้ว่าคิดสิ่งที่คืเดเป็นเพียงสมมติปรุงแต่งที่เราสร้างขึ้นเป็นไปตามที่รักบ้าง ที่ชังบ้าง ที่เราสำคัญมั่นหมายเอาไว้กับใจ รู้ว่ามันเป็นเพียงสมมติเราก็ไม่ยึดสมมติ มันเกิดขึ้นก็รู้ว่าสมมมติเกิดขึ้นรู้แล้วก็ปล่อยมันผ่านไป 2.3 บางครั้งเมื่อใจเรามันยึดอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกนั้นเมื่อจะปล่อยผ่านมันก็บีบอัดปะทุใจมาก กดข่มไม่ไหวยิ่งอัดอั้น เราก็เพียงรู้ว่ามันมีความรู้สึกอย่างนี้ๆเกิดขึ้นโดยไม่ให้ความสำคัญกับมัน ให้ทำแค่รู้ รู้แค่มีอาการความรู้สึกนี้เกิดขึ้น แล้วก็ปล่อยมันไปไม่ให้ความสำคัญกับมัน แล้วกลับมารู้เพียงปัจจุบัน ..ประโยชน์สูงสุดคือ ให้มารู้ที่ลมหายใจนี้อย่าทิ้งลมหายใจ พึงสำเนียกในใจว่า ลมหายใจนี้ไม่มีทุกข์ ลมหายใจไม่เร่าร้อน ลมหายใจไม่มีโทษ ลมหายใจนี้เป็นของจริงเป็นวาโยธาตุ เป็นธาตุ ๔ ในกายที่มีใจครองเพื่อหล่อเลี้ยงพยุงขับเคลื่อนร่างกายของเราให้คงอยุ่ไหว้ ไม่มีลมหายใจนี้เราตาย ลมหายใจเป็นที่สงบ สบาย เย็นใจ ไม่มีทุกข์ เป็นของจริง ให้รู้ลมหายใจเข้า-ออกด้วยประการดังนี้ หัวข้อ: ขอปรึกษา เริ่มหัวข้อโดย: Umedanumba ที่ มกราคม 29, 2020, 01:39:30 PM ลองหาเวลาไปบวชชีพามบ้างนะครับ จะได้ปลงให้มากขึ้น จะได้ไม่คิดมาก |