หัวข้อ: วิปัสสนุกิเลส เริ่มหัวข้อโดย: เด็กหน้าวัด ที่ กันยายน 11, 2010, 10:12:55 PM วิปัสสนุกิเลส คำว่า วิปัสสนูปกิเลส หมายถึง ความเศร้าหมองของวิปัสสนา ข้อความในพระไตรปิฎกและอรรถกถาท่านแสดงว่า ผู้ที่เจริญวิปัสสนาจนถึงระดับสัมมสนญาณและอุทยัพพยญาณ เมื่ออุทยัพพยญาณดับไปแล้ว กิเลสที่ยังไม่ได้ดับเป็นสมุทจเฉทก็ทำให้ เกิดความพอใจใน วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น โอภาส ญาณ ปีติ สุข เป็นต้น นี้เรียกว่า ความเศร้าหมองของวิปัสสนา สำหรับขณะทั่วๆไปผู้ที่ยังมีกิเลส มี เครื่องเศร้าหมองของจิต(อุปกิเลส) เกิดเป็นปกติอยู่แล้ว ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น วิปัสสนูปกิเลสอาจจะเกิดขึ้นได้ บุคคลนั้นต้องเริ่มจากเกิดจากการอบรมปัญญา ขั้นการฟังด้วยความเข้าใจถูกก่อน จนปัญญาถึงระดับวิปัสสนาญาณ วิปัสสนูปกิเลสจึงเกิดขึ้นได้ (แต่ไมได้หมายความว่า วิปัสสนูปกิเลสเกิดจากความเห็นถูก แต่ต้องเริ่มจากความเข้าใจถูกก่อนจึงจะถึงระดับวิปัสสนาญาณ) ดังนั้น หากยัง ไม่เข้าใจหนทางที่ถูกต้องแม้ขั้นการฟัง ก็อาจสำคัญในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็น วิปัสสนูปกิเลส ก็ถูกกิเลสหลอกอีก ไม่พ้นไปจากความไม่รู้ ดังนั้นปัญญาเริ่มต้น จึงควรเข้าใจก่อนว่าธรรมคืออะไร สัมมสนญานเป็นวิปัสนาญาณที่เจือด้วยความคิดอยู่ ถึงแม้จะประจักษ์ในเรื่องรูปนามแล้ว ที่สำคัญเราคิดเรื่องอะไรก็ขอให้รู้ว่าคิด เพราะความคิดเป็นต้นเหตุของ ความสงสัยและความสงสัยเป็นเหตุให้เราคิดหาคำตอบโดยวิธีการต่างๆ หรือแม้กระทั่ง คิดว่าบรรลุธรรมแล้วถ้าเรารู้ไม่ทันก็จะสมมุติให้ตัวเองอยู่ขั้นนี้ อยู่ขั้นนั้น เป็นโน่นเป็นนี่ การตัดสินความรู้เป็นเรื่องของสติปัญญาเขาทำหน้าที่ ไม่มีเราเป็นผู้ตัดสิน ก็แล้วแต่จะ ใส่ชื่อใส่สมมุติว่าอะไรมันก็เป็นแค่สมมุติ ถ้าติดสมมุติก็ยังเป็นวิปัสสนูปกิเลส แต่แท้ จริงแล้ว ทั้งความคิด และความสงสัย ก็เป็นธรรมะ ผิดถูกประการใดแล้วแต่ท่านผู้รู้จะพิจารณา ขออนุโมทนา ขอบคุณลานธรรม |