หัวข้อ: เคยทำเรื่องไม่ดี เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา ควรทำใจอย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: jiji ที่ สิงหาคม 01, 2013, 08:58:54 PM มีช่วงชีวิตที่แย่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เคยทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ ภาพยังติดตราตรึงใจ หลับก็ฝันถึง ไม่สามารถเล่าได้จริงๆ
แต่เป็นเรื่องที่เราไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ แต่ก็ต้องทำเพราะความสงสาร และไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ทำให้ตัวเองสูญเสียทั้งชีวิตวัยรุ่น ชีวิตส่วนตัว เสียความรู้สึก เสียหลายๆอย่าง แต่เพื่อให้ชีวิตถึง3ชีวิตที่เรารักดีขึ้น ปัญหาคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความรู้สึกแย่ๆ ภาพแย่ๆ การกระทำแย่ๆของตัวเอง ทุกอย่างที่เรารู้สึกว่าแย่ที่สุดมันสั่งสม จนทำให้เกิดปม พยายามไม่คิดถึงเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา แต่ภาพแต่ละภาพก็ยังวนเวียน หลอกหลอน ตอนนอนก็ยังฝัน น้ำตาไหลออกมาได้ทุกครั้งที่ภาพแว้บเข้ามา อยากล้างความรู้สึกพวกนี้ออก อาจมีเรื่องความอาฆาตพยาบาทปนเล็กๆ ก็พยายามให้อภัยทั้งตัวเองด้วย อยากทราบธรรมะที่ช่วยขัดล้าง ภาพเหล่านี้ออก หัวข้อ: เคยทำเรื่องไม่ดี เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา ควรทำใจอย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: ไหลเย็น ที่ สิงหาคม 01, 2013, 10:40:25 PM เป็นความฟุ้งซ่านครับ หมายถึง ฟุ้งไปในอดีตบ้าง ฟุ้งไปในอนาคตบ้าง สรุปคือ ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันนั่นเอง
พระพุทธเจ้าสอนให้เราอยู่กับปัจจุบันนะครับ ทำวันนี้ให้ดี ทำขณะนี้ให้ดีที่สุด อยู่กับปัจจุบัน คิดถึงแต่ปัจจุบัน ชีวิตนี้ก็จะทุกข์น้อยที่สุด ครับ ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ท่าน ครับ หัวข้อ: เคยทำเรื่องไม่ดี เสียใจกับสิ่งที่ผ่าน เริ่มหัวข้อโดย: เกียรติคุณ ที่ สิงหาคม 02, 2013, 01:59:26 PM ดั่งที่ท่านไหลเย็นกล่าวมาดีแล้วผมขอเสริมเพิ่มอีกนิดเพื่อความเป็นประโยชน์เกื้อหนุนกันกับที่ท่านไหลเย็นกล่าวถึง นั่นคือ ความไม่ส่งจิตออกนอก พึงระลึกรู้ ตามรู้อยู่เนืองๆในปัจจุบัน ดังนี้ครับ ดั่งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนไว้แก่พระองคุลีมาลย์เถระดังนี้ว่า - อกุศลกรรมใดๆที่เคยทำมาแล้ว เมื่อหวนระลึกถึง ย่อมทำให้จิตใจนี้เศร้าหมอง - กุศลกรรมใดๆที่เคยทำมาแล้ว เมื่อหวนระลึกถึง ย่อมทำให้จิตใจแจ่มใส เบิกบาน - เธอจงหมั่นบำเพ็ญกุศล รักษาศีล รักษาใจให้แจ่มใสเบิกบานอยู่ทุกขณะจิตเถิด ดังนี้แล้วไม่ว่าจะเกิดความขุ่นมัวใจใดๆ ให้คุณตั้งมั้นเจริญใน ศีล พรหมวิหาร๔ สมาธิ เป็นหลัก แล้วพึงหวนระลึกถึงแต่สิ่งที่ดีงามที่ได้ทำมา สิ่งที่ดีใดๆที่เป็นกุศล คือ 1. สิ่งที่เป็นไปในความไม่เบียดเบียน ทำร้ายผู้อื่น ทางกายและวาจา - ระลึกถึงสิ่งที่เรามีกายสงบไม่ทำร้ายใคร กระทำในสุจริต ที่คุณได้ทำมาแล้ว - ระลึกถึงการพูดจาที่ไพเราะนอบน้อมไม่พร่ำเพ้อ ไม่เพ้อเจ้อ ไม่ส่อเสียด ที่คุณได้ทำมาแล้ว 2. สิ่งที่เรามีจิตใจดีงามต่อผู้อื่น ไม่มีจิดใจคิดเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น - ระลึกถึงความอยากให้เขาได้เป็นสุข อยากให้เขาไม่ติดใจเพลิดเลิน-ไม่ขุ่นมัวขัดเคืองใจ-ไม่มัวหมองใจ-ไม่เศร้าหมองใจ-มีแต่ความสงบสุขผ่องใส ที่คุณได้ทำมาแล้ว - ระลึกถึงสิ่งที่เราได้อนุเคราะห์แบ่งปันสิ่งดีๆต่อผู้อื่นอยากให้เขาได้พ้นทุกข์ ที่คุณได้ทำมาแล้ว - ระลึกถึงการสละให้ของเราหรือสิ่งที่เราสละให้อันเป็นไปเพื่อให้ผู้อื่นเขาได้พ้นทุกข์นั้น โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนนอกจากให้เชาได้เป็นสุข ที่คุณได้ทำมาแล้ว - ระลึกถึงการละซึ่งความขัดเคืองใจอาฆาตพยาบาทใดๆ ที่คุณได้ทำมาแล้ว - ระลึกถึงความรู้สึกเป็นสุขยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นได้พ้นทุกข์ หรือ ความสุขยินดีใดๆที่เราได้รู้สึกเมื่อได้แบ่งปันสละให้ผู้อื่น ที่คุณได้ทำมาแล้ว 3. พึงระลึกถึงความมีใจวางไว้กลางๆ ไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใด เพราะติดข้องใจไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆนอกจากทุกข์ - เจริญใจเข้าสู่ความรู้ว่าสิ่งนี้ควรหยุด สิ่งนี้ควรปล่อย สิ่งนี้ควรละไว้ สิ่งนี้ควรวาง - ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามเหตุและผลของกรรม คือ เจตนาความตั้งใจที่ได้กระทำไปทาง กาย วาจา ใจ นั้นๆไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศลเราทุกคนย่อมได้รับผลของการกระทำนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ - ดังนั้นไปติดข้องใจมันก็ยิ่งร้อนรุ่มใจหาประโยชน์ใดๆไม่ได้นอกจากทุกข์ ยิ่งเราไปติดข้องใจในสิ่งใดๆทั้งที่พอใจยินดีและไม่พอใจยินดีมากเท่าไหร่ กาม ราคะ พยาบาท ก็ยิ่งเกิดทวีคูณขึ้นมากเท่านั้น - เมื่อใดที่ กาม ราคะ พยาบาทเกิดขึ้น คุณก็จะเกิดความรู้สึกที่ร้อนรุ่มใจ ร้อนรนใจ อึดอัดใจ อัดอั้นใจ เศร้าหมองใจ คับแค้นกายใจใช่มั้ย ยิ่งกาม ราคะ พยาบาทมีมาก คุณก็จะยิ่งร้อนรุ่มใจ ร้อนรนใจ อึดอัดใจ อัดอั้นใจ เศร้าหมองใจ คับแค้นกายใจมากเท่านั้นใช่มั้ยครับ - ดังนั้นพึงละความติดข้องใจในสิ่งนั้นๆไปเสียแล้วหวนระลึกถึงดั่งในข้อ 1-2 ที่ผมบอกไว้ ใจคุณก็จะสงบผ่องใสมากขึ้น ระลึกว่าสิ่งนี้ๆมันล่วงเลยมาแล้วผ่านไปแล้วไปหวนระลึกถึงหรือไปติดข้องใจมันก็มีแต่ความเศร้าหมองใจ ปล่อยมันไปละมันไว้เสีย เราก็จะทุกข์น้อยลง ร้อนรุ่มน้อยลง จนถึงความดับไปแห่งทุกข์นั้น 4. เจริญจิตขึ้นหวนระลึกถึง พิจารณาถึง ดั่งในข้อ 1-2 แล้วตั้งเจตนามั่นที่จะกระทำทางกาย วาจา ใจ ดังข้อ 1-3 เพื่อบำเพ็ญญกุศล รักษาศีล รักษาใจให้แจ่มใสเบิกบานอยู่ทุกขณะจิต เจริญสมาธิให้มีจิตตั้งมั่น คิดดี พููดดี ทำดี หัวข้อ: เคยทำเรื่องไม่ดี เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา ควรทำใจอย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: jiji ที่ สิงหาคม 02, 2013, 04:37:35 PM เป็นจริงอย่างว่าค่ะ
ฟุ้งซ่านไปเองจริงๆ คำๆนี้เคยได้ยินมาก็บ่อย ไม่ได้เอามาใส่ใจ เพราะเราไม่ได้ขี้บ่น พูดเรื่อยเปื่อย ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเอง พอได้ยินคำว่า ฟุ้งซ่าน รู้สึกเส้นผมบังภูเขา เออ จริงๆด้วย เป็นอย่างนั้นจริงๆ ช่วยได้เยอะเลย แต่คงเลี่ยงไม่ได้ที่พอมันสะกิด แล้วสะเก็ดจะเปิด ได้แต่พยายามฝึกให้รู้ตัวเร็วๆว่ากำลังฟุ้งซ่าน คิดไปคิดมารู้สึกว่ามันไร้สาระมาก ขอบคุณมากๆค่ะ จะจำใส่ใจไว้เตือนตัวเอง หัวข้อ: เคยทำเรื่องไม่ดี เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา ควรทำใจอย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: ธารา ที่ กันยายน 03, 2013, 01:12:35 AM กรรมที่เคยได้ทำในอดีตย่อมส่งผลเสมอค่ะ อย่างตอนนี้ ผลที่ว่านั้น แม้จะยังไม่เกิดขึ้นชัดเจน แต่ความรู้สึกผิดนั้นยังตามมารบกวนจิตใจเราอยู่เสมอ ตั้งสติก่อนนะคะ สิ่งที่เราได้ทำ แม้จะช่วยให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์ แต่การกระทำที่ไม่ถูกต้อง ก็ถือเป็นสิ่งผิดค่ะ เราลบล้างไม่ได้ สิ่งที่จะทำได้ตอนนี้ มีเพียงกำหนดจิตใจของเราให้ดี ทำบุญ แผ่ส่วนกุศลให้กับผู้ที่เราเคยล่วงเกิน มีจิตใจหวังให้ผู้ที่เราเคยเบียดเบียนพ้นจากทุกข์ จิตใจที่มีแต่การให้ย่อมเป็นสุข อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนนี้ แล้วคุณอาจจะดีขึ้นนะคะ คิดมากไปตอนนี้รังแต่จะเป็นทุกข์ค่ะ ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยจริงๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ :)
หัวข้อ: เคยทำเรื่องไม่ดี เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา ควรทำใจอย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: กิตติศักดิ์ พรหมกุล ที่ ธันวาคม 31, 2014, 11:32:27 PM อดีตมีไว้ปรับปรุงในวันข้างหน้าคับผมก็เคยนั่งคิดถึงเรื่องเด็กๆ เก่าๆ แล้วเสียใจกับมันแต่ผมก็เลยคิดว่า แล้วมานั่งคิดให้มันเสียใจทำไม ทำไมไม่คิดว่า พรุ้งนี้จะทำอะไรบ้าง 8)
หัวข้อ: เคยทำเรื่องไม่ดี เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา ควรทำใจอย่างไร เริ่มหัวข้อโดย: อารี ที่ เมษายน 10, 2016, 09:48:14 PM ให้อภัยตัวเอง และ ตั้งใจว่าต่อไปนี้ จะ รักษาศีล ทำความดี เป็นคนดี สิ่งที่เราเคยทำผิด เราจะสร้างแต่ความดี เพื่อชดใช้สิ่งที่เราเคยทำผิด เพราะไม่มีใครที่เกิดมาและไม่เคยทำผิด ขอให้เราเรียนรู้จากสิ่งนั้นๆ และเดินไปข้างหน้าต่อไป ;D ;D ;D ((คนมีบุญมากก็ยังหลงทางได้ การที่เรามาเกิดเพราะว่าเรายังมีกิเลสอยู่ ไม่มีใครที่จะ เพอร์เฟ็คท ไปทุกอย่าง)) การเรียนรู้ และ การทำผิดพลาดเป็นธรรมดาของมนุยน์ เพราะตั้งแต่เกิดมามนุยน์ต้องฝึกเดิน ฝึกกิน ให้อภัยตัวเองเถิดและฝึกฝนตนเองให้ดีกว่านี้ วิธีหนี้กรรม คือ ทำความดียังไม่พอ ถ้าเป็นเทวดาและหมดอายุของการเกิดเป็นเทวดาก็ต้องลงมารับกรรมนั้น เราเกิดมาเพื่อละกิเลส ต้องปฎิบัติธรรมสำเร็จเป็นพระอริยเจ้า พระโสดาบัน ทำให้ได้ตอนเป็นมนุยน์ และจะสามารถปิดนรก ไม่ต้องมารับกรรมชั่วที่เคยทำไว้ ถ้าตายก็จะได้เกิดเป็นเทวดาก็มีแต่จะสูงขึ้นๆไปจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ ((มีเทวดาที่เคยทำปาบไว้มากตอนเป็นมนุยน์ แต่หนีกรรมได้ เพราะสำเร็จ เป็นพระโสดาบัน)) กฎแห่งกรรมนี้ซับซ้อนมาก กรรมหนักที่หนี้ไม่ได้คือ; ฆ่าบิดา, ฆ่ามารดา, ฆ่าพระอรหันต์, ทำให้สงฆ์แตก แยก, ทำร้ายพระวรกายพระพุทธเจ้าห้อเลือด... 8) |