เมษายน 20, 2024, 03:14:56 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
โพลล์
คำถาม: เพื่อนๆที่รู้คำตอบช่วยตอบหน่อย  (ปิดการโหวต: เมษายน 09, 2012, 08:46:43 PM)
สัมมาทิฏฐิ - 0 (0%)
นิพพาน - 0 (0%)
จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 0

หน้า: 1 2 3 [4] 5  ทั้งหมด   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน  (อ่าน 126764 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
somchai_eee
เด็กใหม่
*****

พลังความดี : 7


อายุ: 44
กระทู้: 7
สมาชิก ID: 1316


อีเมล์
« ตอบ #45 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2012, 11:50:22 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
เห็นจิตเห็นใจว่าไม่ใช่เรา เมื่อไหร่ ความยึดมั่นในความรู้ทั้งหลายที่มีอยู่ จะพังทะลายลงเอง

สาธุครับ




บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #46 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2012, 09:54:45 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
สิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี  เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัยอาศัยกันแล้วเกิดขึ้น
สิ่งนี้ดับสิ่งนี้จึงดับ  เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัยอาศัยกันแล้วจึงดับ  
แม้ไม่ใคร่ครวญ  ตามรู้หรือไม่ตามรู้   มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น  เป็นไปตามธรรมชาติ  ตามลักษณะของธรรมชาติ  เป็นอยู่อย่างนั้นของมันเองตามปรกติธรรมดาของมัน  ไม่ใช่จิต  ไม่ใช่เรา  ไม่ใช่สัตว์  ไม่ใช่อะไรเลย  จะกล่าวอย่างไรก็ไม่ถูก  หยุดใช้ความรู้สึกกับมันว่าเยี่ยงไร...มันสิ้นสุด..สุดของสัมมาทิฎฐิ - นิพพาน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 23, 2012, 09:58:08 PM โดย ประวิต » บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #47 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2012, 11:45:58 AM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
เห็นชาวพุทธทั้งหลายเปิดอ่าน และให้ความสนใจ  ในสัมมาทิฏฐิ และนิพพาน ก็รู้สึกดีใจครับ  เชื่อเถอะครับว่านิพพานมีจริง  และเราก็สามารถทำให้แจ้งได้ในปัจจุบันนี้จริงๆ  ขออนุโมธนากับทุกท่านครับ
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #48 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2012, 10:00:18 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
สิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี  เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัยอาศัยกันแล้วเกิดขึ้น
สิ่งนี้ดับสิ่งนี้จึงดับ  เพราะสิ่งนี้เป็นปัจจัยอาศัยกันแล้วจึงดับ...........สิ่งใดเกิดด้วยปัจจัย  สิ่งนั้นก็ดับด้วยปัจจัยนั้นๆ  เพราะอวิชาเป็นปัจจัยจึงก่อให้สังขารเกิด........เพราะอวิชาดับเป็นปัจจัยจึงก่อให้สังขารดับ...มันก็เช่นนั้นเองท่านผู้เจริญ.....แล้วอวิชาคืออะไรละ...ก็ไอ้สหมองปึกนั้นแหละครับท่านผู้อ่าน....สัมมาทิฎฐิแลนิพพาน....
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #49 เมื่อ: มกราคม 17, 2013, 08:40:57 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
สหมองปึกยังไม่พอ  แถมยังบวกจิตนาการบ้าๆเข้าไปอีก  เลยเตลิดเปิดเปิงถึงบางยี่ขัน โถ่พระคุณเจ้า  กระทำลงไปจริงๆเถอะไม่นานเราจะเข้าใจ  ในบริบทของมัน  ที่เราเรียกว่า  สัมมาทิฎฐิกับนิพพาน........................
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #50 เมื่อ: มกราคม 19, 2013, 09:39:41 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
วันนี้วันพระ 8 ค่ำ เดือน2 เลยปรารถนาที่จะเขียนให้ไพเราะซักหน่อยครับท่านผู้อ่าน หลังจากใช้บทบู้มานาน...เหมือนหนังจีนกำลังภายในเลย..
........ประโยนช์ในการอ่านและฟังนั้นมีมาก  ถ้าเราใคร่ครวญให้มาก  ในบทความที่เราสนใจ  ใคร่ครวญแล้วใคร่ครวญอีกกระทำบ่อยๆๆกระทำเสมอๆ
ไตร่ตรองและใคร่ครวญอยู่เป็นนิจ  หรือเป็นประจำทุกวันทุกเวลาที่เรามีโอกาศคิดและใคร่ครวญหรือทดลองกระทำ...นี้แหละครับคือการภาวนา  ที่จะทำให้เรานั้นมีปัญญาที่แท้จริงและเข้าใจต่อธรรม  ที่เป็นธรรมมะแบบสัมมาทิฎฐิที่แท้จริง  ปฎิบัติในศีลก็ไม่เป็น...ศีลละพัตตามาตร..เขียนตามบาลีไม่ถูก(หรือหลงงมงายในศีล  หรือข้อวัตรแห่งตน) ....มีสมาธิก็ไม่มุ่งในทางสงบ....มีธรรมมะหรือก็เป็นเพียงธัมมารมณ์.....ที่นำมาเล่าขานมิรู้จบ
..........อนิจัง  แปลว่าไม่เที่ยง   สิ่งเดียวถ้าเรารู้และใคร่ครวญอยู่เป็นนิจ  หรือกระทำบ่อยๆในการคิดละรึก  เช่นคิดกลับไปและคิดกลับมา  ดูบ่อยๆดูเนืองๆ  จากที่รู้เฉยๆ  ให้มันเริ่มอยู่ในความรู้สึกของเรามากขึ้น  ถี่ขึ้นจนมันอยู่ในใจเราตลอดเวลา...คิดมากขนาดนี้บวชไม่สึกแน่ๆท่านเอย  
บันใดขั้นที่1-2-3-4-5-6-7-8-9-มันก็เกิดขึ้นเองต่อเนื่องตามวันเวลา เป็นไปตามธรรมชาติของความรู้ที่เราใคร่ครวญ...รู้ขั้นที่ 1-2-3 ยังอาจถกเถียงคนอื่นๆอยู่  แต่ถ้ารู้ในขั้น 4-5-6คงไม่ถกเถียงใครต่อใครแล้วได้บ้าง..ว่าแล้วมันเริ่มปลงได้จริงๆ.. (เพราะมันรู้นานและเคยชินจนเริ่มเป็นธรรมชาติของใจแห่งตนมากขึ้น)  7-8-9  ทำเอาเองนะคับรู้แล้วว่ามันไม่มีอะไร  มาบอกกันบ้างเด้อพ่อคุณ.....สัมมาทิฎฐิ-นิพพาน.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 19, 2013, 09:41:45 PM โดย ประวิต » บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #51 เมื่อ: มกราคม 29, 2013, 09:19:48 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
สาธุ...
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #52 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2013, 09:07:34 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
ความคิด-ความรู้-สังขาร-อารมณ์-สิ่งเหล่านี้คือ-มิฐฉาทิฎฐิและสัมาทิฎฐิ-สองสิ่งนี้มีเหมือนกันและเป็นสิ่งเดียวกัน-จะแตกต่างกันก็เพียงอารมณ์-ที่เสวยในความรู้-หรือความคิด-หรือสังขาร-ที่ปรุงแต่งในขณะนั้น-อารมณ์ที่เสวยในขณะจิตปรุงแต่งจะแตกต่างกันออกไป--คิดหรือปรุงอย่างมีตัวตนแบบบ้าคลั่ง-เขาเรี๊ยกว่าพวกคนชั้นต่ำ-ที่คิดและปรุงแบบบ้าตามกิเลส-ตัณหา-อุปาทานแห่งตน--คิดอย่างมีความรู้-ที่ร่ำเรียนมา-และได้คิดใคร่ครวญดีแล้ว-แต่ก็ยังบ้ากับอารมณ์ของความคิดอยู่--พวกนี้คนชั้นกลาง--คิดในความรู้ที่ร่ำเรียนมาโดยแยบคาย-หรือใคร่ครวญดีแล้ว-ทราบซึ้งแล้ว-จนมีสติ-บอกสอนตนเองได้ดี  และคอยเตือนตนเองอยู่เนืองๆ-ให้ทรงอารมณ์ ในความรู้ ความคิดแห่งตนได้--แต่ยังก้าวไม่ข้ามพ้นความมี หรือความเป็นได้--พวกนี้คือคนชั้นสูง--อะไรๆๆจะมี จะอยู่ หรือจะไป ในวันนี้เพลานี้--จะถูกหรือผิด--ดีหรือชั่ว--หรืออะไรก็ตาม--เขารู้อย่างมีสติและนิ่งเฉยได้บ้างตามสมควรแห่งครรลอง--เขาคืออริยะบุคลที่กำลังเดินทาง..............สัมมาทิฎฐิ........
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #53 เมื่อ: มีนาคม 09, 2013, 09:46:26 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
ขอให้ทุกท่านทีเปิดอ่านในบทความ  มีความสุขครับ แตกฉานในทิฎฐิ 62  บทความดีไม่ดี  ท่านเป็นผู้พิจารณา  กระผมมีเวลา  จะมาเขียนแสดงต่อไปเรื่อยๆ  ตามแนวทางของ......สัมมาทิฎฐิ  และ  นิพพาน.......
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #54 เมื่อ: มีนาคม 16, 2013, 08:36:49 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
ความรู้ที่ถูกต้องเป็นเพียงมุมมองที่เปลี่ยนไป..จะรู้อย่างไรก็ช่าง   ถ็าใช้ความรู้นั้นข่มใจตนเองยังมิได้   นั้นคือความรู้แบบชิวๆ............
ในทัศนะของเรา แบบสัมมาทิฎฐิ.....ความรู้นั้นต้องเป็นไปในทิศทางของการปลง และทำใจให้สงบ  จะสงบในความวุ่นวาย  หรือสงบแบบปลีกวิเวก   หรือสงบในอุกเบกขาธรรม   อันนั้นก็แล้วแต่บารมีของแต่ละบุคล      .ให้ยอมรับความเป็นจริงตามธรรมชาติ  ไม่แก่งแย่งชิงดี  ไม่ดื้อดึงในความคิดของตนเอง  ไม่ยกตนข่มผู้อื่น  แค่เพียงข้อวัตรบ้าๆบอๆ   เป็นอยู่ด้วยหลักเมตตาธรรม  เข้าใจผู้อื่น  ด้วยหลักธรรมที่ว่า  สัพพะชีวิตทั้งปวงก็มีครรลอง  มนุษย์ทุกตนก็มีความรู้สึกนึกคิดเช่นกัน   ไม่อวดตนในความรู้แห่งตน   เพราะความรู้ทั้งปวงไม่จริงซักสิ่งเดียว....สิ่งที่จริงคือไม่รู้อะไรเลย.............สัมมาทิฎฐิ และ นิพพาน
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #55 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2013, 09:05:22 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
สัพเพสังขาราอนิจา
สัพเพธัมมา..อนัตตาติ
อนัตตาเป็นหลักธรรมอันสูงสุด...ในเมื่อไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตนอย่างแท้จริง...ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมนามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น...แล้วอะไรเล่าที่เป็นตัวตน
...สัมมาทิฐิและนิพพาน....
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #56 เมื่อ: กันยายน 19, 2013, 10:03:11 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
เห็นผู้คนสนใจในแนวทางมากมาย ก็เลยอยากเขียนต่อ
ผู้ที่วิ่งเลาะตามฝั่งนั้นมีเป็นจำนวนมาก เพราะติดยึดในทิฎฐิที่ซ่อนเงื่อนของตนเองนั้น วิจิกิจฉา ครับบุคลใดไม่เคยก้าวผ่านนิวรณ์5 ด้วยกำลังอาณาปาณสติ  บุคลเหล่านั้นจะแสดงธรรมก็เพียงการแสดงทิฎฐิแห่งตนเท่านั้นเอง  ความสงบรำงับจากอารมณ์หยาบ ด้วยอณาปาณสติ จะทำให้เราแยกอารมณ์ออกว่า  นั้นคือธรรมมะหรือทิฎฐิ ไม่เกี่ยวกับเรียนสูงหรือต่ำ จริงไม่จริงลองทำดู...........สัมมาทิฎฐิและนิพพาน
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #57 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2015, 09:26:06 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
เห็นผู้คนสนใจในแนวทางมากมาย ก็เลยอยากเขียนต่อ
ผู้ที่วิ่งเลาะตามฝั่งนั้นมีเป็นจำนวนมาก เพราะติดยึดในทิฎฐิที่ซ่อนเงื่อนของตนเองนั้น วิจิกิจฉา ครับบุคลใดไม่เคยก้าวผ่านนิวรณ์5 ด้วยกำลังอาณาปาณสติ  บุคลเหล่านั้นจะแสดงธรรมก็เพียงการแสดงทิฎฐิแห่งตนเท่านั้นเอง  ความสงบรำงับจากอารมณ์หยาบ ด้วยอณาปาณสติ จะทำให้เราแยกอารมณ์ออกว่า  นั้นคือธรรมมะหรือทิฎฐิ ไม่เกี่ยวกับเรียนสูงหรือต่ำ จริงไม่จริงลองทำดู....ครับเราต้องทำมันด้วยตัวเราเอง..สงบด้วยตัวเราเอง....ความรู้ในธรรมะที่มันมีในตัวเราจะบอกเราเองว่า..อะไรคือผิด..อะไรคือถูก.....(มันจะเป็นกรรมหนักที่เราแสดงธรรมโดยความหลง)...คนที่เคยทำสมาธิได้ในระดับการละนิวรณ์...จะเข้าใจในอารมณ์ของตัวเองทันที..ว่าเมื่อก่อนที่อารมณ์ยังทำสมาธิไม่ได้..กับอารมณ์ที่มีสมาธิแล้ว..มันต่างกันอย่างไร..และมุมมองของเราเองมันจะต่างกันอย่างไร...จะเข้าใจอะไรได้อีกมากมายเลยครับ..ทำมันให้ได้จริงๆนะครับ...แล้วท่านจะเข้าใจเอง..ว่าความคิดที่วิตกวิจารณ์..กับความรู้ที่แท้จริงมันต่างกันอย่างไร.....สัมมาทิฎฐิและนิพพาน
บันทึกการเข้า
เกียรติคุณ
ผู้ปฏิบัติธรรม
*****

พลังความดี : 65


เพศ: ชาย
อายุ: 46
กระทู้: 958
สมาชิก ID: 841


« ตอบ #58 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2015, 08:37:25 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
สาธุท่าน ไม่เจอกันนานนะครับ ยินดีที่ท่านกลับมาโพสท์ต่อครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายๆคน ทั้งหัดปฏิบัติอยู่ ทั้งระดับที่ปฏิบัติมานาน และทั้งระดับที่อยากทำให้ยิ่งๆขึ้นไป ครับ

 ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ รูดซิบปาก รูดซิบปาก รูดซิบปาก รูดซิบปาก
บันทึกการเข้า
ประวิต
พุทธบุตร
*****

พลังความดี : 19


อายุ: 52
กระทู้: 265
สมาชิก ID: 1634


อีเมล์
« ตอบ #59 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2015, 02:40:28 PM »

Permalink: สัมมาทิฏฐิ - นิพพาน
ยินดีเช่นกัน ความมุ่งหวังของเพื่อนร่วมทางในโพธิสัตว์ธรรมไม่มีอะไรมุ่งหวังในการตอบแทน
การฝึกตัวเราที่ยิ่งขึ้นไป...อธิจิตเต จะอาโยโค การหมั๋นทำจิตให้สูงขึ้นนั้นเป็นหน้าที่ของเรา
การรักษาจิตไม่ให้ตกต่ำก็เป็นหน้าที่...แต่ในยุคปัจจุบันการทำจิตให้สูงขึ้นมันยากพอควร..ต้องอาศัยศัทธาและความเพียรมาก..ต้องข่มใจตัวเองจากราคะที่แวดล้อมตัวเรา...ขอให้ทุกท่านจงหมั๋นในการฝึกสมาธิ มันจะช้วยให้มุมมองของเราคมยิ่งขึ้นครับ กินน้อยนอนน้อย อะไรที่มันเป็นภาระก็ลืมๆตัดๆทิ้งๆมันซะบ้าง เดี๋ยวตัวมันจะเบาไปเอง อย่าไปเคร่งทางใดทางหนึ่งให้มันมากจนเกินไป มีสติอยู่ที่ลมหายใจ..แล้วสติมันก็จะอยู่กับเรา..มันไม่มีอะไรมากหรอกครับอย่าไปวิตกวิจารณ์มันมาก......มันเป็นเพียงหน้าที่ๆเราต้องทำ..จนกว่าสังขารจะแตกดับ...มันเป็นหน้าที่ๆเราต้องรู้ และ.ต้องทำ ..........สัมมาทิฏฐิและนิพพาน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5  ทั้งหมด   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


บทความและไฟล์ภาพ ในเว็บไซต์แห่งนี้อาจนำมาจากเว็บไซต์อื่นๆ ที่ทีมงานคิดว่ามีประโชยน์ต่อผู้อ่าน โดยให้ผู้อ่านเกิดควมบันเทิง และให้ความรู้ โดยที่เราจะให้เครดิตทุกครั้งที่นำมา หากไฟล์ภาพหรือบทความใด ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ต้องการให้นำมาแสดง โปรดแจ้งมาที่ tumcomputer@hotmail.com ทางทีมงานจะได้นำบทความนั้นออกทันที ขอบคุณครับ


เว็บนี้จัดทำโดย นายสุรัตน์ ศรลัมภ์ และครอบครัว อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้มีพระคุณ

HTML Hit Counters
Powered by SMF 1.1.17 | Simple Machines|Copyright © 20010 BY : thammaonline.com
บทความธรรมะรวมเรื่องกฏแห่งกรรมสมาธิ วิปัสนากรรมฐานพลังจิตกระดานถาม-ตอบ Sitemap

Google มาเยี่ยมเว็บเมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2024, 03:04:42 PM